มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1295
ขณะเดียวกัน ภายในหุบเขาปีศาจเก้าปีศาจเก้าเซียวจื่อเจี้ยน ก็ได้ทราบข่าวนี้เช่นเดียวกัน
แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ในวิถีมารของเผ่ามนุษย์ แต่ละที่ล้วนมีเคล็ดลับ ที่สามารถรู้การเคลื่อนไหวของกองกำลังอื่น ๆ ได้
หุบเขาปีศาจเก้า ได้จัดบทบาทสำคัญในเขาปีศาจนรก โดยทั่วไปแล้วขอเพียงไม่ใช่ความลับที่สำคัญมาก หุบเขาปีศาจเก้าจะได้รับรายงานที่แม่นยำในทันทีทันใด
“ซ่างกวนเจี้ยน ตายแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เซียวจื่อเจี้ยน มีสีหน้าตกตะลึง ผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าช่วงกลาง ฝีมือของซ่างกวนเจี้ยน อยู่เหนือกว่าเขาอีกมาก
เพราะช่วงเวลาที่เซียวจื่อเจี้ยนฝึกตนค่อนข้างสั้น และเพิ่งจะบรรลุเป็นเทพฟ้าได้ไม่นาน ตอนนี้มีผลการฝึกตนแค่ในระดับเทพฟ้าขั้นปฐมภูมิเท่านั้น
ในบรรดาเทพฟ้าขั้นปฐมภูมิ เขาไม่เกรงกลัวผู้ใดเลย ต่อให้ผลการฝึกตนของตนอยู่ในระดับเทพฟ้าขั้นหนึ่ง ก็สามารถรับมือได้เผชิญหน้ากับเทพฟ้าขั้นสาม
แต่เทพฟ้าช่วงกลางนั่นไม่เหมือนกัน ขั้นสามบรรลุขั้นสี่ การเปลี่ยนแปลงเพียงครั้งเดียว สามารถทำให้ฝีมือเปลี่ยนไปราวฟ้ากับดิน
หากเป็นแค่เพียงการดับสิ้นของผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าคนหนึ่งเท่านั้น มันจะไม่ทำให้เซียวจื่อเจี้ยน มีท่าทางตกตะลึงเช่นนี้ แต่จุดสำคัญก็คือ การดับสิ้นของเทพฟ้าแห่งเขาปีศาจนรกในคราวนี้ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลัวซิวผู้นั้นอีกแล้ว!
“คงจะไม่ได้ถูกเจ้าหมอนั่นสังหารหรอกนะ?”
มุมปากของเซียวจื่อเจี้ยน กระตุกอยู่หลายครั้ง หลัวซิวคนนี้เมื่อก่อนไม่มีชื่อเสียง แต่หลังจากที่ได้ถูกตนพบเข้าและพาไปที่งานสรรพปีศาจก็ได้สร้างเรื่องราวขึ้นมาติดต่อกันมากมาย มีความสามารถในการก่อเรื่องยิ่งกว่าเขาเมื่อตนเป็นหนุ่มเสียอีก
อย่างน้อยเมื่อตอนที่เขาเป็นหนุ่มนั้นไม่มีความสามารถที่จะสังหารเทพฟ้าได้แน่นอน หรือพูดได้แม้กระทั่งว่าต่อให้เป็นเทพมารคนหนึ่งก็ยังสามารถเอาชีวิตของตนได้อย่างง่ายดาย”
“น้องเก้า!”
ในตอนนี้เอง เสียงหยาบกระด้างก็ได้ดังลอยมา ปีศาจสองเซี๋ยหลงเทียนก็ได้มาที่ตำหนักของเซียวจื่อเจี้ยน
“เกล็ดมังกรครามยักษ์ ที่เจ้าให้ข้ามาสองชิ้นนั้นช่างเป็นของดีจริง ๆ ตอนนี้ข้าเองก็ได้ฝึกเซ่นอัญเทพฟ้าชิ้นหนึ่งขึ้นมาได้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวนภา ขอเพียงอีกฝ่ายไม่ใช้อัญเทพฟ้า ข้าก็สามารถต่อกรด้วยได้แล้ว!”
บนไหล่ของเซี่ยหลงเทียน แบกเอาไว้ด้วยขวานสีดำเขียว เป็นอาวุธที่ฝึกเซ่นขึ้นมาจากเกล็ดมังกรครามยักษ์และวัตถุดิบล้ำค่าอื่น ๆ นั่นเอง
“แต่น่าเสียดายที่เกล็ดมังกรครามยักษ์ ได้ถูกน้องชายคนนั้นเอาไปหนึ่งชิ้น หากมีเกล็ดมังกรครามยักษ์สามชิ้น ข้าก็จะไม่จำเป็นต้องใส่วัตถุดิบอื่น ๆ เข้าไปอีก สามารถฝึกเซ่นเป็นขวานมังกรครามยักษ์ได้เลย และอานุภาพก็จะร้ายกาจกว่าตอนนี้อีกนัก!”
เซี่ยหลงเทียนนั่นกล่าวขึ้นมาด้วยความเสียดายอีกครั้ง สายตามองไปยังเซียวจื่อเจี้ยน: “น้องเก้า น้องชายคนนั้นไปไหนแล้วล่ะ ข้าอยากจะลองยืมเกล็ดมังกรครามยักษ์ในมือของเขามาใช้หน่อย และ ฝึกเซ่นขวานที่อยู่ในมือของข้าอันนี้อีกครั้ง”
“เกรงว่าพี่รองต้องผิดหวังเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นใช้วิธีอันใด ถึงได้ใช้เกล็ดมังกรครามยักษ์ฝึกเซ่นปีกสายหกขึ้นมาได้ เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วถึงขีดสุด ข้าเองยังไม่แน่ว่าจะสามารถตามทันได้” เซียวจื่อเจี้ยน ส่ายหน้ากล่าว
“ปีก?” เซี่ยหลงเทียน ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เขาอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิหยุดเท่านั้น ถ้าหากไม่มีผลการฝึกตนในระดับเทพฟ้าอย่าคิดว่าจะฝึกเซ่นเกล็ดมังกรครามยักษ์ ได้เลย เขาฝึกเซ่นได้อย่างไรกัน?”
“ข้าเองก็ไม่ทราบ เจ้าหนุ่มนั่นลึกลับยิ่งนัก ช่วงนี้ได้ก่อเรื่องขึ้นมากมาย” เซียวจื่อเจี้ยนยักไหล่ และได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับหลัวซิวที่เกิดขึ้นในระยะนี้ให้กับเซี่ยหลงเทียนฟัง
“ทำให้เทพฟ้าสองคนตาย?” หลังจากที่เซี่ยหลงเทียนได้ฟังเสร็จ เขาเองก็ได้ตกตะลึงเช่นเดียวกัน
แม้ว่าเขาและเซียวจื่อเจี้ยนต่างก็ทราบดี การตายของเทพฟ้าทั้งสองคนของเขาปีศาจนรก ต้องไม่ใช่หลัวซิวที่เป็นคนสังหารแน่ แต่ที่สามารถมั่นใจได้ก็คือ มันจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอย่างแน่นอน สำหรับเรื่องที่ว่าทำให้เทพฟ้าทั้งสองคนตายได้อย่างไรนั้น กลับมิอาจรู้ได้
“ข้าเคยได้เล่าเรื่องของน้องชายคนนั้นให้พี่ใหญ่ฟัง มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าเขาสามารถสังหารเทพมารได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่มีฝีมือพอสมควร จะต้องกลายเป็นเทพฟ้าในอนาคตได้อย่างแน่นอน พี่ใหญ่เห็นด้วยที่จะให้เขาเข้าหุบเขาปีศาจเก้าแล้ว และยังรับปากอีกว่าจะให้เขาเป็นปีศาจสิบ!”