มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1339
ศูนย์กลางของโซนทอร์นาโด ที่ทางเข้าของแดนปริศนานั้นสงบมาก ปีศาจทั้งเก้านั่งขัดสมาธิอยู่บนดาดฟ้าเรือยุทธ์ ทุกคนต่างหลับตาเพื่อปรับลมปราณ รอคอยอย่างเงียบ ๆ
ในเวลาเดียวกัน หลัวซิวซึ่งอยู่ในแดนปริศนาเบญจธาตุ ได้มาถึงจุดสิ้นสุดของพื้นที่แดนปริศนา
ข้างหน้าเขา มีกระแสน้ำวนสีดำและขาวปรากฏขึ้น กระแสพลังขาวดำนี้ไม่ใช่พลังแห่งความเป็นตาย แต่เป็นพลังแห่งหยินหยาง!
ความเป็นตาย หยินหยาง เป็นพลังของสองสุดขั้ว เป็นตัวแทนของสองอย่างสุดขั้ว ในแง่หนึ่ง หยินหยางแยกมาจากความเป็นตาย
และหยินหยางอยู่เหนือเบญจธาตุ
ในมุมมองของหลัวซิว สำนักหยินหยางน่าเป็นสำนักที่ทำการเข้าใจผ่านทางกฎเบญจธาตุและฝึกฝนกฎหยินหยาง
“หยินหยางและความเป็นตายมีความคล้ายคลึงกัน บางทีข้าอาจจะได้รับประโยชน์มากมายจากฐานหยินหยาง”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลัวซิวก็กระโดดเข้าไปในกระแสน้ำวนสีดำขาวที่อยู่ข้างหน้าเขา
การคุกคามของซือถูเจิ้งเจี้ยนนั้นเหมือนกับแส้ที่ฟาดอยู่บนลำคอ เขาต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาเป็นอย่างมาก และ ฐานหยินหยางเป็นโอกาสที่ขาดไม่ได้อย่างไม่ต้องสงสัย!
ในกระแสน้ำวนสีดำขาวคือช่องอุโมงค์อากาศมืดมิด อุโมงนี้ยาวมาก ในระหว่างการส่งอย่างรวดเร็ว หลัวซิวรู้สึกว่าเขาออกจากอนัตตาไม่สิ้นที่พิภพกลางตั้งอยู่
จนกระทั่งเวลาผ่านไปนาน ช่องอุโมงค์อากาศสั่นสะท้านอย่างกะทันหันและการส่งก็หยุดลง
“อุดมไปด้วยปราณทิพย์ฟ้าดิน”
อยู่ในพื้นที่ที่ไม่รู้จักนี้ หลัวซิวหลับตาและรู้สึกถึงปราณทิพย์ฟ้าดินที่อุดมสมบูรณ์อย่างหาที่เปรียบมิได้
ปราณทิพย์ฟ้าดินที่นี่มากมายกว่าพิภพกลางของโลกเสวียนเทียนและโลกาอสูรฟ้าถึงสิบเท่า!
แนวคิดเรื่องที่ปราณทิพย์ฟ้าดินที่มากกว่าสิบเท่าคืออะไร? ซึ่งหมายความว่าด้วยความสามารถและพรสวรรค์ที่เหมือนกัน ความเร็วในการฝึกฝนจะเร็วขึ้นสิบเท่า!
ไม่มีสถานที่เช่นนี้ในพิภพล่าง มีเพียงมหาโลกาพันสามและมหาพิภพของมหาโลกาเท่านั้นที่สามารถมีสถานที่ฝึกฝนอันล้ำค่าเช่นนี้
และนี่ก็คือฐานหยินหยาง!
เมื่อมองขึ้นไป ข้างหน้ามีภูเขาหลายลูกที่สูงสามหมื่นกว่าเมตร ภูเขาแต่ละลูกคล้ายกับกระบี่เทพขนาดใหญ่เสียบเข้าไปในท้องฟ้า และเชิงเขาเต็มไปด้วยเมฆและหมอก
บนยอดภูเขาสูงสามหมื่นกว่าเมตรเหล่านี้ มีสิ่งก่อสร้างมากมายตำหนัก วัง หอคอย มีทุกสิ่งทุกอย่าง
หลัวซิวเห็นด้วยตาของเขาเองว่ามีเทพมังกรขาวที่โฉบบินอยู่บนภูเขาสูง เงยหน้าขึ้นเพื่อสูดปราณแท้ของฟ้าดินเข้าไป
มีแสงหลบหนีบางส่วนที่กลายมาจากจอมยุทธ์ที่บินเข้าใกล้บริเวณมังกร และพวกเขาก็อยู่อย่างสันติ
ในอีกด้านหนึ่ง หลัวซิวเห็นเทพมังกรดำตัวหนึ่งนอนอยู่ในหุบเขา เหมือนภูเขาปีศาจลูกหนึ่ง เสียงกรนรางกับฟ้าร้อง
มังกรสองตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก ศีรษะเหมือนเทือกเขา และหากเหยียดร่างตรง ก็จะยืดออกไปได้หลายพันลี้
ยิ่งกว่านั้น หลัวซิวรู้สึกถึงความกดดันแห่งกฎที่แข็งแกร่งลึกลับจากเทพมังกรสองตัวนี้ ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเขาช่างเล็กกระจิ๊ดริดและรู้สึกว่าตัวเองช่างไม่มีความน่าภูมิใจอะไรเสียจริง
“แม้ว่าซือถูเจิ้งเจี้ยนไอ้ชายผู้นั้นมา เขาอาจจะถูกเทพมังกรสองตัวนี้ฆ่าตายในการจามเพียงคราวเดียว” หลัวซิวแอบตะลึง
แม้ว่าเขาจะรู้จากร่างกลวัฏสงสารชาติก่อนว่ากองกำลังใหญ่ในโลกาชั้นฟ้านั้นแข็งแกร่งเพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถซ่อนความตกใจในใจได้เมื่อได้เห็นมันจริงๆ
เขาเดาว่าเทพมังกรทั้งสองน่าจะเป็นหนึ่งหยินและหนึ่งหยาง อย่างน้อยเทพมังกรแต่ละตัวเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวในระดับมกุฎเทพ
ในขณะนี้บัญชาหยินหยางในมือของหลัวซิวสั่น ราวกับกระตุ้นให้เขาก้าวไปข้างหน้า
หลัวซิวหายจากอาการช็อก หายใจเข้าลึกๆ แล้วบินไปที่ภูเขาหลายลูกที่สูงหลายหมื่นเมตร
เมื่อระยะทางใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ หลัวซิวเห็นด้วยตาของเขาเองว่าเทพมังกรดำที่นอนขดร่างอยู่ในหุบเขาได้ตื่นขึ้นมา ดวงตาของมังกรสีแดงคู่หนึ่งเหลือบมองมาที่เขา