มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1352
เขาย่างเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า เมื่อเดินไปถึงสุดปลายเส้นทาง ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าบนฟ้ามีระลอกคลื่นสองคลื่นปรากฏ
ระลอกคลื่นทั้งสองนั้น คลื่นหนึ่งขาวคลื่นหนึ่งดำ
ถัดจากนั้นระลอกคลื่นทั้งสองนั้นก็ค่อย ๆ จางหายไป ปรากฏเป็นดวงอาทิตย์สีดำหนึ่งดวงและสีขาวหนึ่งดวง
ดวงอาทิตย์สีดำและดวงอาทิตย์สีขาว ดวงหนึ่งอยู่ฝั่งซ้าย อีกดวงหนึ่งอยู่ฝั่งขวา เหมือนดั่งตัดแบ่งพื้นที่ที่หลัวซิวกำลังยืนอยู่ให้ออกเป็นสองฝั่งยังไงอย่างนั้น ฝั่งหนึ่งสีดำ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งคือสีขาว
หลัวซิวสัมผัสได้ถึงออร่ากฎไท่หยินที่เข้มข้นจากดวงอาทิตย์สีดำ มีออร่าที่ร้อนรุนและแรงของกฎไท่หยินแผ่กระจายออกมาจากดวงอาทิตย์สีขาว
หลัวซิวในตอนนี้เป็นร่างแยกกฎความตาย จึงเข้ากับกฎไท่หยินได้ดีกว่า สำหรับออร่าของกฎไท่หยินนั้น ทำให้เขารู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว มากกว่านั้นคือเขามีความรู้สึกเหมือนกำลังถูกไฟลุกโหมแผดเผาร่างกายตัวเองอยู่ยังไงอย่างนั้น
ความรู้สึกเหล่านี้แทบจะเกิดจากสัญชาตญาณ หลัวซิวเดินเข้าไปในเขตพื้นที่สีดำที่ถูกกฎไท่หยินปกคลุมโดยตรง เดินไปถึงด้านล่างดวงอาทิตย์สีดำที่มีกฎไท่หยินแฝงซ่อนอยู่
แหงนหน้ามองขึ้นไป เขาผนึกรวมตัวสำนึกไว้ที่ดวงตาทั้งสองข้าง พบว่าดวงอาทิตย์สีดำดวงนี้ประกอบมาจากร่องรอยกฎ
ร่องรอยกฎทั้งหมดนี้มีเกือบพันร่องรอย ทุก ๆ ร่องรอยกฎล้วนมีความลึกลับและมหัศจรรย์ซ่อนอยู่ อีกทั้งร่องรอยกฎที่แตกต่างกันตัดสลับไปมาจนประกอบเป็นวิธีที่แตกต่างกัน ความลึกลับและมหัศจรรย์ที่แฝงซ่อนอยู่ก็แตกต่างออกไปด้วย
และนี่ก็คือความเร้นลับในขั้นที่ 1 ของกฎไท่หยิน หากสามารถตระหนักรู้ความเร้นลับของร่องรอยกฎนับพันนี้ได้โดยสิ้นเชิง ก็จะสามารถฝึกกฎไท่หยินขั้น 1 ให้บรรลุถึงแดนบริบูรณ์ได้
“ฐานหยินหยางเป็นสถานที่แห่งการตระหนักรู้ที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ เสียดายที่มีเวลาเพียงสิบวันเท่านั้น อย่าว่าแต่ร่องรอยกฎนับพันเลย แม้จะเป็นเพียงสิบกว่าร่องรอย ข้าก็ไม่สามารถตระหนักรู้โดยสิ้นเชิงได้”
หลัวซิวเข้าใจความสามารถของตัวเองดีมาก ๆ เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้คิดเพ้อเจ้อหวังจะกลืนกินทุกอย่าง แต่เป็นการนำตัวสำนึกผนึกไปที่ร่องรอยกฎทั้งสิบร่อยรอยที่เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างไม่หยุดหย่อนนั่น
เขาวางแผนจะนำร่องรอยกฎทั้งสิบนี้มาเป็นรากฐาน และตระหนักรู้ความเร้นลับของกฎไท่หยิน!
จู่ ๆ เขาก็ดื่มด่ำอยู่กับการตระหนักรู้ในระดับกฏที่ลึกขึ้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ร่างกลวัฏสงสารที่ซ่อนอยู่ในห้วงจักหยั่งรู้ของเขา ก็กำลังตระหนักรู้ในกฎไท่หยินพร้อมกันเช่นกัน เมื่อตระหนักรู้พร้อมกันเช่นนี้ ทำให้ประสิทธิผลเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
เป็นดังที่หลัวซิวคาดการณ์เอาไว้จริง ๆ ด้วย กฎความตายและกฎไท่หยินสามารถยืนยันกันและกันได้จริง ๆ อีกทั้งจากการตระหนักรู้ของเขาที่มีต่อกฎไท่หยินยิ่งอยู่ยิ่งลึก ความเข้าใจของเขาที่มีต่อกฎเบญจธาตุก็มีการเปลี่ยนแปลงจนใหม่เอี่ยมเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าไป กำแหล่งเบญจธาตุไว้ในมือ โคจรภูตเบญจธาตุที่อยู่ในร่างกาย กลืนกินกลั่นแปรพลังและการตระหนักรู้กฎในแหล่งเบญจธาตุ
สำหรับนักยุทธ์ ระยะเวลาสิบวันนั้นสั้นมาก ๆ บัญชาหยินหยางที่ถูกหลัวซิวเก็บเข้าไปในแหวนเก็บของสั่นเทิ้มขึ้นมากะทันหัน พลังออร่าหนึ่งพรั่งพรูออกมา ทำให้เขาตื่นตกใจจนหลุดออกมาจากสถานะการตระหนักรู้
“ชั๊วะ!”
เสี้ยววินาทีที่หลัวซิวลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมา มีความโกรธเกรี้ยวเคลื่อนผ่านบนสีหน้าอารมณ์ของเขา เนื่องจากในขณะที่การตระหนักรู้กฎไท่หยินของเขาใกล้จะมีความคืบหน้าในด้านใหม่แล้ว แต่กลับถูกผู้อื่นขัดจนเขาต้องหยุดจากตระหนักรู้
อย่างไรก็ตามผู้ที่ถูกขัดไม่ได้มีเพียงเขาผู้เดียวเท่านั้น วัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศอีก 19 คนก็ถูกรบกวนเช่นกัน บัญชาหยินหยางบินออกมาจากแหวนเก็บของ มีแสงเทวที่งดงามเปล่งประกายและแผ่คลุมร่างของพวกเขาทุกคนเอาไว้ ก่อนที่ทุกคนจะถูกส่งออกมาจากฐานหยินหยางอย่างรวดเร็ว
หลัวซิวรู้สึกไม่พอใจมาก ๆ หากให้เวลาเขาอีกนิดหนึ่ง เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถอาศัยการยืนยันของกฎไท่หยิน ตระหนักรู้ความเร้นลับของกฎความตายดั้งเดิมได้
ปัจจุบัน แดนกฎความตายของเขาบรรลุถึงขั้นสุดแล้ว เหลือเพียงก้าวเดียว เขาก็จะได้รับการยอมรับจากกฎดั้งเดิม บรรลุถึงแดนกฎความตายดั้งเดิมขั้น 1