มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1356
ในบรรดาศิษย์สนิทสายผู้อาวุโสทั้งหมด ศักยภาพของเขาไม่ถือว่าอยู่ในขั้นสุดยอด แต่ถ้าเกิดมองในมุมอัจฉริยะทั่วไปละก็ เขาจัดว่าอยู่ในระดับยอดเยี่ยมเลย นี่จึงทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจมาก ๆ ที่ตนมีผลสำเร็จเช่นนี้
ชายหนุ่มชุดเหลืองเห็นว่าผลการประเมินของฝ่ายตรงข้ามแตกต่างกับตัวเองราวกับฟ้ากับดิน ศักยภาพเทียบเคียงกับผู้อื่นไม่ได้ เขาจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทน
หลังจากที่การประเมินผลของสวีชิงซานเสร็จสิ้นไปแล้ว ก็มีศิษย์สนิทสายผู้อาวุโสอื่น ๆ ทยอยเดินขึ้นไปบนค่ายเสวียน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สังหารไปเก้าคน ผลการประเมินไม่ถึงระดับดีเด่น นอกเหนือจากนั้นแล้วทุกคนล้วนสังหารคู่ต่อสู้ไปสิบคน ได้รับแหล่งเบญจธาตุเป็นของรางวัล
สมุนไพรเพิ่มพลังอย่างแหล่งเบญจธาตุ เหมาะกับนักยุทธ์ที่ฝึกกฎเบญจธาตุมากที่สุดแล้ว ถึงแม้จะเป็นศิษย์สนิทสายผู้อาวุโส ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป พวกเขาก็ได้รับทรัพยากรการฝึกตนประเภทนี้ยากมาก ๆ เช่นกัน
และในตอนนี้เอง หวางยู่ซวนก็เดินขึ้นค่ายเสวียน ผลการประเมินของเขาคือสังหารคู่ต่อสู้ไปได้ทั้งหมด 12 คนอย่างไม่คาดคิด ทำลายสถิติของศิษย์สนิทสายผู้อาวุโสจำนวนมาก!
“ของรางวัลสำหรับผู้ที่ได้รับผลประเมินดีเด่น ทุก ๆ การสังหารคู่ต่อสู้ห้าคนจะถูกแบ่งเป็นหนึ่งเส้นพรมแดน ผลการประเมินของเจ้าดีมาก ๆ แต่ของรางวัลที่ได้รับก็ได้รับเพียงแหล่งเบญจธาตุเท่านั้น”ผู้อาวุโสหวูเอ่ยปากพูด
หวางยู่ซวนที่เดินออกมาจากค่ายเสวียน เขาสูญเสียผลการฝึกตนไปเยอะมาก ตามร่างกายมีบาดแผลหลายจุด แต่ทว่าแววตาของเขากลับดุดันมาก ๆ จ้องมองไปทางหลัวซิวด้วยสายตาที่ยั่วยุ
เขาไม่ได้หันไปมองหยุนจื่อซู เนื่องจากเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าศักยภาพของตัวเองไม่สามารถเทียบเคียงกับหยุนจื่อซูได้อย่างแน่นอน แต่หากจะเอาชนะคนต่ำต้อยไร้ชื่ออย่างหลัวซิวที่มีผลการฝึกตนเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 นั้น กลับไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เนื่องจากสิ่งที่ค่ายเสวียนนี้ประเมินไม่ได้มีเพียงความเข้าใจและการตระหนักรู้ต่อกฎเบญจธาตุกับกฎหยินหยางเท่านั้น ผลการฝึกตนและศักยภาพของตัวบุคคลก็ส่งผลต่อการประเมินผลในครั้งนี้มาก ๆ เช่นกัน
ผู้ที่ผลการฝึกตนต่ำจึงถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องเสียเปรียบกว่าเล็กน้อย
“ศิษย์น้องหลัว เจ้าไปก่อนดีกว่า”หยุนจื่อซูพูดอย่างเรียบนิ่ง
จนถึงวินาทีนี้ ผู้ที่ยังไม่เข้าร่วมการประเมิน ก็เหลือเพียงพวกเขาสองคนแล้ว
หลัวซิวไม่ได้สนใจแต่อย่างใดว่าผู้ใดจะเริ่มก่อนหรือหลัง เขาแค่พยักหน้าอย่างเรียบนิ่ง ก่อนจะรีบย่างเท้าเดินตรงไปทางค่ายเสวียนที่มีรังสีแวววาวจับตาเปล่งประกาย
เขายืนยืดอกอยู่ตรงกลางค่ายเสวียน ถัดจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองได้เข้าสู่สภาวะที่แปลกประหลาดสภาวะหนึ่ง ภาพเหตุการณ์รอบกายเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เขาจะจมดิ่งสู่ภาพมายา
รอบกายทั้งสี่ทิศคือหมอกที่มืดครึ้ม ตรงหน้าหลัวซิวมีเส้นทางปรากฏสองทาง ทางหนึ่งสีดำ ส่วนอีกทางหนึ่งคือสีขาว
ดำขาวสองขั้ว สอดคล้องกับหยินและหยาง การตระหนักรู้ในกฎหยินหยางของสำนักหยินหยางนั้น เป็นพื้นฐานที่กำเนิดมาจากกฎเบญจธาตุ
เพราะระดับของกฎหยินหยางสูงเกินไป หากฝึกโดยตรงมันจะฝึกยากเกินไป ส่วนกฎเบญจธาตุนั้นเป็นการค่อย ๆ พัฒนาไปตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วกฎเบญจธาตุจะฝึกง่ายกว่า
เมื่อสัมผัสถึงระดับกฎหยินหยางแล้ว ผู้ที่สามารถฝึกหยินหยางสองขั้วพร้อมกันได้นั้นยิ่งเป็นบุคคลที่หาได้ยากมาก คนส่วนมากจะเลือกฝึกระหว่างกฎไท่หยินหรือไม่ก็กฎไท่หยิน
ด้วยเหตุนี้บททดสอบค่ายเสวียนของฐานหยินหยางฝึกปรือ จึงมีตัวเลือกปรากฏสองทาง
สิ่งที่หลัวซิวตระหนักรู้ในฐานหยินหยางคือกฎไท่หยิน เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกเดินไปยังเส้นทางสีดำอย่างไม่ลังเลใจ
หลังจากที่ผ่านไปพักหนึ่ง คู่ต่อสู้คนแรกของหลัวซิวก็ปรากฏตรงข้างหน้าของเส้นทางสีดำ ฝ่ายตรงข้ามคือชายผู้สวมเกราะนักยุทธ์สีดำคนหนึ่ง ในมือกำกระบี่ยุทธ์สีดำหม่นหนึ่งเล่ม ไอสังหารดูน่าเกรงขาม ใบหน้าถูกหมวกของเกราะนักยุทธ์บดบัง จึงไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
ผลการฝึกตนของชายเกราะดำคือมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 ขั้นสูง รอบกายมีคลื่นกฎไท่หยินพรั่งพรูออกมา แดนกฎของเขาน่าจะอยู่ระดับบรรลุผลช่วงปลาย
อิงตามข้อดีและข้อเสียของกฎ เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่แดนกฎอยู่ในแดนเดียวกัน กฎไท่หยินจะแข็งแกร่งกว่ากฎเบญจธาตุ แดนกฎระดับบรรลุผลช่วงปลายของกฎไท่หยิน สามารถเทียบทัดกับแดนกฎเบญจธาตุระดับบริบูรณ์ได้