มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1364
“มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้สิ การใช้กมลโลกาชั้นกลางหนึ่งใบมาเปิดจุดลมปราณนั้น ใช้พลังเพียงครึ่งเดียวก็เพียงพอแล้วสิ”มีเสียงที่ฟังดูรู้สึกสงสัยของหงเทียนเดินออกมาจากหอกยุทธ์มังกรดำ
ครั้นเมื่อเขาอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิต เขาก็เคยฝึกเคล็ดวิชาที่ใช้เปิดจุดลมปราณอยู่ มากกว่านั้นคือเขาเคยเปิดจุดลมปราณได้ทั้งหมด 13 จุดด้วย เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องเข้าใจมันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นบนตัวหลัวซิว กลับแตกต่างจากผู้อื่น
“หรือว่าการเปิดจุดลมปราณของข้าล้มเหลวแล้ว?”หลัวซิวขมวดคิ้วแน่น หากการเปิดจุดลมปราณล้มเหลว เช่นนั้นถึงแม้ร่างแยกทั้งสองจะรวมกันเป็นหนึ่ง เขาก็ไม่มีทางใช่คู่ต่อสู้ของซือถูเจิ้งเจี้ยนอย่างแน่นอน
“ไม่ใช่การเปิดจุดลมปราณของเจ้าล้มเหลว แต่เป็นเพราะระดับความยากในการเปิดจุดลมปราณของเจ้าเพิ่มขึ้นแล้ว”หงเทียนซี๊ดปากทีหนึ่ง“ระดับความยากง่ายของการเปิดจุดลมปราณนั้น เกี่ยวข้องกับกฎที่ตัวนักยุทธ์ฝึก”
“ยกตัวอย่างเช่นนักยุทธ์คนหนึ่งฝึกกฎธรรมดาทั่วไป อีกทั้งเป็นนักยุทธ์ที่ฝึกกฎเพียงประเภทเดียวเท่านั้น การเปิดจุดลมปราณจึงทำได้ง่ายที่สุด พลังที่ต้องสูญเสียก็ไม่มากเช่นกัน แต่ทว่าหลังจากที่จุดลมปราณถูกเปิดออกแล้ว พิภพที่แฝงซ่อนอยู่ในจุดลมปราณก็จะเปราะบางมาก ๆ พลังแห่งโลกาที่ตัวนักยุทธ์จะได้รับก็มีขีดจำกัดมากเช่นกัน”
“ครั้นนั้นกฎที่ข้าฝึกคือกฏปริภูมิ ถึงแม้จะมีการฝึกกฎอื่น ๆ เพิ่ม แต่ข้าก็ยังคงยึดกฏปริภูมิเป็นหลัก พิภพที่บุกเบิกในจุดลมปราณก็ค่อนข้างกว้างใหญ่ เพราะฉะนั้นพลังแห่งโลกาที่ข้าได้รับก็ทรงพลังเช่นกัน”
“ส่วนเจ้านั้น……ฝึกกฎชั้นยอดทั้งสี่อย่างการเวียนว่ายตายเกิดและห้วงเวลาพร้อมกัน อีกทั้งยังฝึกเบญจธาตุทั้ง 5 และหยินหยางอัสนีวาโยด้วย แทบจะพูดได้เลยว่ากฎที่เจ้าฝึกนั้นครอบคลุมระบบกฎทั้งหมดในจักรวาลนี้แล้ว ดังนั้นการที่เจ้าจะบุกเบิกพิภพในจุดลมปราณ จึงพูดได้เลยว่าเป็นระดับความยากที่มากที่สุด!”
เสียงของหงเทียนถึงกับสั่นคลอนเล็กน้อย“สภาพการณ์อย่างเจ้าเป็นประวัติการณ์และไม่เคยมีผู้ใดทำเช่นนี้มาก่อน ข้าก็ไม่สามารถยืนยันได้เช่นกันว่าเจ้าจะทำสำเร็จหรือไม่ แต่สิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยก็คือหากเจ้าเปิดจุดลมปราณสำเร็จ เช่นนั้นโลการ่างในที่บุกเบิกได้ ก็ต้องเป็นพิภพชั้นยอดอย่างแน่นอน!”
“แล้วบัดนี้ข้าควรทำอย่างไรดี?”สีหน้าท่าทางของหลัวซิวก็ดูเข้มงวดข้ึนมาเช่นกัน
เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าทันทีที่เรือล่มเมื่อจอด การเปิดจุดลมปราณจุดต่อไปจะเริ่มอีกทีเมื่อใดก็ไม่รู้ เพราะกมลโลกาเป็นสิ่งที่หายากมาก ๆ ในทั่วสากลโลก!
“กรอกพลังเข้าไป เติมหลุมดำหกรูให้เต็ม! หากเจ้าทำสำเร็จ นี่ต้องเป็นการกระทำอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์โลกยุทธ์อย่างแน่นอน!”
หลัวซิวปิดขังอยู่ในฐานหยินหยาง การประเมินของหยุนจื่อซูก็จบลงแล้ว
ผลลัพธ์สุดท้ายไม่มีอะไรผิดพลาด หยุนจื่อซูสังหารคู่ต่อสู้ในค่ายเสวียนได้ 16 คน ผลการประเมินอยู่เหนือหลัวซิว!
ตอนเขาเดินออกมาจากค่ายเสวียน สีหน้าดูขาวซีดเล็กน้อย เห็นได้ชัดเจนเลยว่าหลังจากที่เขาเอาชนะคู่ต่อสู้ 16 คนติดต่อกันแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่สบายเช่นกัน เมื่อเปรียบเทียบกับสภาพของหลัวซิวที่เดินออกมาอย่างสบาย ๆ แล้ว ทั้งสองก็แตกต่างกันโดยเนื้อแท้เลยล่ะ
“บัดนี้ข้าขอประกาศ ผู้ที่ผ่านการประเมินผลจะได้เข้าไปฝึกตนในฐานหยินหยางเป็นเวลาหนึ่งเดือน ผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินผล ตกรอบ และถูกยึดบัญชาหยินหยาง!”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ผู้อาวุโสหวูยื่นมือคว้าออกไป เหล่าวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่ไม่ผ่านการประเมิน ต่างสัมผัสได้ว่าแหวนเก็บของของตัวเองกำลังสั่นสะเทือน ก่อนที่บัญชาหยินหยางจะบินออกมาจากแหวนเก็บของ
มีคนตื่นเต้นดีใจ มีคนขโมยคิ้ว มีคนครุ่นคิด มีคนหน้านิ่วคิ้วขมวด……
ผู้ตกรอบต้องจากไป ส่วนผู้ที่ผ่านการประเมินนั้นก็ทยอยเข้าไปในฐานหยินหยางตามลำดับ ภายในห้องลับเหลือเพียงผู้อาวุโสหวูและฉินเฟยเสว่สองคนแล้ว“”
“เทพธิดาคิดว่าในวัยรุ่นกลุ่มนี้ของสำนักหยินหยางข้ามีหน่อที่ศักยภาพไม่เลวหรือไม่ขอรับ?”ผู้อาวุโสหวูหัวเราะพลางถาม
“หลัวซิวอะไรนั่นถือว่าไม่เลวเลย ข้าวางแผนจะรับเขาเป็นศิษย์”ฉินเฟยเสว่ยิ้มพลางตอบกลับ
“โอ๊ะ? การที่สามารถทำให้เทพธิดาท่านมีใจที่จะรับเขาเป็นศิษย์นั้น ถือเป็นความโชคดีของเขาเลย”ผู้อาวุโสหวูทำหน้าตะลึงงัน
เขาเป็นบุคคลระดับผู้อาวุโสในสำนักหยินหยางการที่สามารถทำให้เขาทำตัวนอบน้อมต่อฉินเฟยเสว่เช่นนี้ และเรียกนางว่าเทพธิดา พอจะทำให้เห็นได้เลยว่าตำแหน่งของฉินเฟยเสว่อยู่สูงกว่าเขา