มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1375
ด้วยเหตุนี้นับแต่นั้นมา กุ่ยเชียนโฉจึงได้เริ่มสงสัยว่าบนตัวของซิวหลัวนั้นต้องมีความลับบางอย่างอยู่เป็นแน่ ถึงอย่างไรมหาจักรพรรดิยุทธ์กับเทพฟ้านั้นก็ต่างกันมากเกินไป เกินขอบเขตของหลักการโดยสิ้นเชิง
เขารู้สึกว่าบนตัวของซิวหลัวมีความลับ บางทีอาจจะมีสมบัติบางอย่างที่มีอำนาจแข็งแกร่งมากพอที่จะทำร้ายหรือฆ่าเทพฟ้าได้ หรือบางทีเขาอาจจะมีพลังการสืบทอดที่แข็งแกร่ง ฝึกตนเป็นพลังอมตะไร้เทียมทาน
ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตาม ต่างก็เป็นสิ่งที่มากพอที่จะทำให้บรรดาเทพฟ้าคลั่งได้
สมบัติชั้นดีเช่นนี้ อยู่ในมือของมหาจักรพรรดิยุทธ์ยังสามารถสำแดงเดชได้อย่างมหาศาลเช่นนี้ เช่นนั้นหากมันตกมาอยู่ในมือเทพฟ้าจะเป็นเช่นไร?
นี่คือเหตุผลที่กุ่ยเชียนโฉคิดอยากจะลงไม้ลงมือกับหลัวซิว
“ข้าก็อยากเรียนรู้กลยุทธ์จากน้องชายด้วยเช่นกัน”
กุ่ยเชียนโฉ แสยะยิ้มออกมาที่บาง ๆ ที่มุมปาก เขาไม่ได้ลงมือด้วยตนเอง แต่เป็นการใช้ตัวสำนึกควบคุมหุ่นเชิดข้างกาย
หุ่นเชิดร่างคนตัวนี้ทั้งร่างถูกสวมไว้ด้วยชุดเกราะโลหะสีแดงเลือด นัยน์ตาคู่หนึ่งเป็นประกายด้วยแสงสีแดง ขวานขนาดใหญ่ด้ามหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของหุ่นเชิด ในระหว่างที่เคลื่อนไหว อสุราที่แข็งแกร่งนั้นก็พลันทำให้โซนรอบกายของมันบิดเบี้ยวขึ้นมา
“เจ้าหุ่นเชิดของข้าตัวนี้นามว่าอสูรคลั่ง เมื่อใดก็ตามที่ที่ต้องต่อสู้ขึ้นมามันจะคลั่งราวกับอสูรกาย เจ้าต้องระวังเอาไว้ด้วย”
หลังจากคำพูดนี้หลุดออกจากปากกุ่ยเชียนโฉ ก็มีเสียงคำรามดังกึกก้องขึ้นมาแล้ว ขวานหนักอึ้งถูกเขายกขึ้นมาโบกสะบัด พุ่งตรงเข้ามาราวกับอสูรกายในร่างมนุษย์ที่ดุร้ายหาใดเทียม
ปัง! ปัง! ปัง!
โซนใต้ฝ่าเท้าถูกหุ่นเชิดอสูรคลั่งเหยียบย่ำจนระเบิดออก ร่างของมันล้อมรอบไปด้วยออร่าที่น่าหวาดกลัว ทำให้ผู้คนหวาดผวาได้
นักยุทธ์กลั่นร่างชำนาญการต่อสู้ระยะประชิดเป็นที่สุด สำหรับนักยุทธ์ที่ไม่ชำนาญกลั่นร่างนั้น เมื่อใดที่ถูกผู้แข็งแกร่งกลั่นร่างเข้าใกล้ ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมากเรื่องหนึ่ง
อย่างไรก็ตามหลัวซิวกลับยืนอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหวแม้สักเล็กน้อย มองไปยังหุ่นเชิดอสูรคลั่งที่เข้ามาใกล้ตนเองขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยแววตาสงบนิ่ง
นี่คือผลการฝึกตนบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าขั้นสูงของเขา อีกทั้งยังเป็นการต่อสู้ครั้งแรกหลังจากที่เปิดใช้จุดลมปราณโลกดาราที่หนึ่งอีกด้วย
ยังไม่กล่าวถึงโลกดาราที่ถือกำเนิดท่ามกลางจุดลมปราณ ภายในวิถีหยินหยางการบรรลุอย่างต่อเนื่องของผลการฝึกตน ทำให้ผลการฝึกตน ร่างเนื้อ แดนกฎของเขาต่างก็ยกระดับขึ้นอย่างมหาศาล
ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขายังคงอยู่ในระดับเทพมารขั้นสูง ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าแดนไม่เปลี่ยนแปลง ผ่านการชุบร่างและขัดเกลานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเมื่อก่อน!
“พลังแปรเสวียนเทียน!”
ทันใดนั้น หลัวซิวก้าวไปด้านหน้าก้าวใหญ่ หอกยุทธ์มังกรดำปรากฏขึ้นในมือ แทงออกไปอย่างง่ายดายครั้งหนึ่ง ท่วงท่าราวกับเมฆและสายน้ำที่เคลื่อนไหว
ความเร็วของเขานั้นเห็นได้ชัดว่าไม่เร็ว แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันรวดเร็วถึงขีดสุด
หอกนี้ดูเผิน ๆ เหมือนธรรมดา แต่กลับเต็มไปด้วยพลังฟ้าดิน ราวกับว่าถูกบีบบังคับออกมาจากด้านหนึ่งของแผ่นดิน
ปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวและคนอื่น ๆ ต่างพากันชะงักไป ไม่ว่าอย่างไรก็คาดไม่ถึงว่าหลัวซิวจะเลือกที่จะเผชิญหน้ากับหุ่นเชิดอสูรคลั่งโดยตรงเช่นนี้
ที่ต้องรู้คือพลังและร่างของหุ่นเชิดสามารถเทียบเท่าผู้แข็งแกร่งกลั่นร่างเทพฟ้าขั้นสาม แต่หลัวซิวเพิ่งจะมีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ต่อให้ วรยุทธ์สืบทอดที่ฝึกตนจะมีระดับสูงส่งสักเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่ร่างเนื้อจะสามารถเทียบเท่าเทพฟ้าได้ไม่ใช่หรือ?
อย่างไรก็ตาม ไม่มีเวลาให้เหล่าผู้ชมทั้งหลายได้ครุ่นคิด หอกยุทธ์มังกรดำกับขวานยักษ์ ก็ชนเข้าด้วยกันอย่างดุเดือด
“ชิ้ง!”
หอกมังกรที่เป็นสีดำเงาทั้งด้ามนั้นแต้มลงไปบนขวานยักษ์เป็นจุดเล็ก ๆ
“โครมคราม!”
อสุราที่แข็งแกร่งระเบิดออก ทำให้โซนโดยรอบต่างก็ถูกแรงกระแทกจนแตกแยก แสงสว่างวาบหลายเส้นพุ่งออกมา
ร่างของหลัวซิวไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย หอกยุทธ์มังกรดำในมือสั่นไหว เลือดปราณผันผวนเล็กน้อย
แต่พอกลับมามองที่หุ่นเชิดอสูรคลั่งกลับลอยกระเด็นออกไป ขวานยักษ์ในมือของถูกแทงทะลุเป็นรูอย่างเห็นได้ชัด
หุ่นเชิดอสูรคลั่งลอยกระเด็นออกไปไกลราวร้อยเมตร ร่างทั้งร่างของมันถูกกลั่นหลวมขึ้นด้วยเหล็กเซียน ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด ไม่นานก็ลุกขึ้นยืนได้เช่นเดิม