มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1376
ภาพตรงหน้าอยู่ในสายตาของกุ่ยเชียนโฉ ทำให้เขาตกอยู่ในความตะลึงและไม่อาจเชื่อสายตา
“พี่ใหญ่ ท่านมองเห็นสิ่งใดหรือไม่?” เขาใช้ตัวสำนึกส่งเสียงพูดกับปีศาจยักษ์
“การโจมตีของเขาไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น แต่วินาทีที่ลงมือนั้นได้หมุนเวียนวิชาอาถรรพณ์ชนิดหนึ่ง ทำให้พลังและการโจมตีของเขาเพิ่มพูนขึ้นมหาศาลในชั่วพริบตา” ปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวตอบกลับเสียงขรึม
ยู่หวูฉิวคือผู้แข็งแกร่งแดนจ้าวนภา ย่อมมองออกว่าแดนร่างเนื้อของหลัวซิวคือเทพมารขั้นสูง ระเบิดพลังและการโจมตีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ภายในชั่วพริบตา วิชาอาถรรพณ์ที่เขาใช้หมุนเวียนนั้นช่วยเพิ่มพลัง อย่างน้อยก็ต้องมีราว ๆ สิบเท่า!
วิชาอาถรรพณ์ประเภทนี้พบเจอได้ยากเสียยิ่งกว่ายาก ยู่หวูฉิวหก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหว หากเขาสามารถฝึกตนวิชาอาถรรพณ์ชนิดนี้ได้ ก็น่าจะสามารถสำแดงพลังได้เทียบเท่ากับกึ่งราชาเทพ
“แต่ว่าพลังระดับนี้สามารถกดขี่เทพฟ้าช่วงต้นทั่วไปได้ ไม่สามารถฆ่าผันร่างเทพฟ้าของซือถูเจิ้งเจี้ยนให้ตายได้” ยู่หวูฉิวพูดเช่นนี้ เพียงแค่วิชาอาถรรพณ์ชนิดหนึ่งไม่มีทางเป็นความลับทั้งหมดบนตัวของหลัวซิวได้ เขายังมีสิ่งที่หลบซ่อนเอาไว้อยู่
“ข้าจะรอดูว่าในตัวของเขายังมีความลับอื่นใดซ่อนเอาไว้อีก!”
กุ่ยเชียนโฉจ้องเขม็ง พูดพร้อมหัวเราะ “พลังของน้องซิวหลัวช่างน่าประทับใจจริง ๆ แต่นี่ก็เพิ่งจะแค่รอบแรกเท่านั้น”
ระหว่างที่พูด กุ่ยเชียนโฉยกมือขึ้นประกบเป็นพลังตราประทับ นี่คือวิชาอาถรรพณ์เฉพาะของวิถีหุ่นเชิด หลังจากสำแดงแล้ว สามารถเพิ่มพลังให้กับหุ่นเชิดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“โฮก!”
หุ่นเชิดอสูรคลั่งคำรามออกมาเสียงดังลั่น พลังงานบนร่างนั้นปะทุและระเบิดออกมา ปลดปล่อยอัสนีโลหิตอันหนาแน่นออกมา
“หุ่นเชิดอสูรคลั่งของข้านั้นกลั่นขึ้นมาจากศพของผู้แข็งแกร่งแดนเทพฟ้าขั้นห้า ถึงแม้ว่าพลังจะไม่เทียบเท่ากับตอนที่ยังมีชีวิต แต่หลังจากได้ผ่านการเพิ่มวิชาอาถรรพณ์หุ่นเชิดของข้าแล้ว พลังก็สามารถเทียบเท่าผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าขั้นห้า!”
อสูรคลั่งสะบัดขวานไปมาและพุ่งตรงเข้ามาอีกครั้ง อัสนีโลหิตบนร่างของมันหลอมรวมอยู่บนขวาน พลังระเบิดออกมาเหมือนน้ำที่เอ่อท่วม
หลัวซิวยังคงนิ่งสงบเหมือนก่อน เขาไม่ได้มีความคิดที่จะเรียกใช้พลังแห่งโลกาจุดลมปราณ หลังจากผลการฝึกตนบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าขั้นสูง เขาก็อยากจะลองว่าพลังของตนนั้นถึงระดับใดแล้ว ในขณะเดียวกัน เขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยความลับเกี่ยวกับตัวเองมากเกินไปในเวลานี้
เขาได้สงสัยอยู่ก่อนแล้วถึงเป้าหมายที่แท้จริงของกุ่ยเชียนโฉในการทดสอบตน เมื่อใดก็ตามที่เขาเปิดเผยความลับที่มากพอจะทำให้ปีศาจทั้งเก้าหวั่นไหวได้ ไม่แน่ว่าปีศาจทั้งหลายเหล่านี้จะต้องพลิกหน้ามือเป็นหลังมือในทันที
ขวานของอสูรคลั่งถูกขว้างเข้ามา แสงขวานสีแดงเลือดราวกับกลุ่มเมฆสีแดงสด โซนถูกบดขยี้แตกกระจุย กระทั่งปรากฎเป็นพายุโซน
“ปัง!”
ปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทินสยายอยู่ด้านหลังหลัวซิว อากาศปั่นป่วนเกิดเป็นเสียงระเบิดดังปัง
แสงขวานสีแดงเลือดฟาดฟันผ่านไป แต่ที่ถูกฟันจนเป็นเสี่ยง ๆ นั้นกลับเป็นเพียงแค่เศษเงาของเขา
ความเร็วของปีกเทพมังกรครามยักษ์เรียกได้ว่าเป็นขีดจำกัดสูงสุดในบรรดาเทพฟ้า หากว่าเป็นจ้าวนภาที่ไม่ค่อยชำนาญในด้านความเร็วก็ไม่สามารถที่จะตามได้ทัน
“เจ้าคิดว่าจะสามารถเอาชนะได้ด้วยความเร็วงั้นหรือ?”
กุ่ยเชียนโฉเผยรอยยิ้มเย็นที่มุมปาก พลังตราประทับที่มือก็พลันเปลี่ยนไปในทันที “จงระเบิด!”
“โครมคราม!”
โดยมีหุ่นเชิดอสูรคลั่งอยู่ตรงกลาง อัสนีโลหิตไร้ที่สิ้นสุดปลดปล่อยและแผ่ขยายออกไป ครอบคลุมอนัตตาด้วยระยะทางหลายร้อยลี้ เหมือนมหาสมุทรสีเลือดที่กำลังแผดเผาและเดือดพล่าน
การโจมตีในวงกว้างเช่นนี้ ต่อให้ความเร็วของหลัวซิวจะเร็วอีกมากสักเพียงใด ก็ไม่สามารถหลบได้พ้น
“ผุ! ผุ! ผุ! ……”
เศษเงาแต่ละชิ้นของหลัวซิวถูกแผดเผาไปในมหาสมุทรสีเลือดเดือดพล่าน แต่เขาก็ไม่สามารถหนีออกจากรัศมีร้อยลี้ได้ทันจริง ๆ ร่างต้นก็จมอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรสีเลือด