มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1403
“ฮ่า ๆ ฆ่า ฆ่าพวกมันทิ้งให้หมด สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินจะต้องไม่มีอยู่อีกต่อไป!” จ้าวนภาไร้เจตสิกหัวเราะเสียงดังลั่น เขามองลงไปยัง สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินที่สภาพน่าเวทนายิ่ง สายตาเผยความโหดร้ายขึ้นมา
“จ้าวศักดิ์สิทธิ์! ……”
ผู้อาวุโสไท่ซ่างท่านหนึ่งเงยหน้าตระโกนเสียงดัง ค่ายใหญ่ได้พังทลายไปแล้ว ในตอนนี้หากยังไม่หนีออกไปอีก บางทีอาจจะหนีไม่พ้นแล้วด้วย
“โครมคราม……”
อนัตตารแยกออกในทันที เรือรบสีดำทะมึนลำหนึ่งลงมายังพื้นที่ว่างเหนือสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน
“ไปกับข้า!”
เฟิ่งหวูซินได้สูญเสียความอดทนไปแล้ว เขาลงมือฝืนบังคับ หมายจะบังคับให้ช่าจื่อเยียนไปกับเขา แม้แต่เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ก็คิดว่าจะพาติดไปด้วย เพราะว่าหากหลัวซิวโชคดีไม่ตายด้วยน้ำมือของซือถูเจิ้งเจี้ยน ตราบใดที่ยังมีตัวประกันสองคนอยู่ในมือ เขาอาจจะสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อบีบบังคับหลัวซิว ได้รับความลับของบนตัวของเขา รวมถึงสมบัติเทพสงครามชิ้นนั้นที่แม้แต่ผู้แข็งแกร่งราชาเทพก็ยังต้องการครอบครอง
“ต็อก!”
เสียงกลองดังขึ้น คลื่นเสียงหลอมรวมเป็นเส้นหนึ่ง แทงทะลุตัวหยั่งรู้ของเฟิ่งหวูซิน
“นั่นใคร?”
เฟิ่งหวูซินหน้าถอดสี สำนักเต๋าเสวียนเทียนนำออกมา ดูดกลืนโจมตีวิญญาณนี้เข้าไป
ซวบ!
ภายในตำหนักวัฏสงสารปรากฏร่างร่างหนึ่ง นั่นก็คือปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิว
หลัวซิวมอบม้วนหยกม้วนหนึ่งให้เขา ด้านในเขียนภาพเอาไว้มีช่าจื่อเยียน เสี่ยวเจียงหมิง เหยียนซีโรว่ เหยียนเยว่เอ๋อร์และคนอื่น ๆ เป็นบุคคลสำคัญที่จำเป็นต้องปกป้องเอาไว้เป็นลำดับแรก
ปีศาจยักษ์ขับเคลื่อนเรือรบเพิ่งจะมาถึง ตัวสำนึกก็พลันตรึงตำแหน่งของคนเหล่านี้ไว้ รับรู้ได้ว่ามีคนกำลังจะลงมือกับพวกนาง จึงได้กระตุ้นเจิ้นเทียนกู่ในทันที ลงมือต่อเฟิ่งหวูซิน
“ข้าคือเพื่อนของหลัวซิว เขาไหว้วานให้ข้ามาปกป้องพวกเจ้า” ยู่หวูฉิวใช้ตัวสำนึกส่งเสียงไปยังพวกช่าจื่อเยียนและเหยียนเยว่เอ๋อร์
ขณะเดียวกัน เสียงของการต่อสู้ด้านนอกก็ทำให้ฟ้าดินสะเทือน สำนักเขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์อลมานไปหมด ทุกช่วงเวลามีศิษย์ถูกฆ่าตายในสนามรบ
เฟิ่งหวูซินสีหน้าโกรธจัด เขาคาดไม่ถึงว่าหลัวซิวจะยังเชิญผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวนภาอีกคนมาด้วย อีกทั้งคนตรงหน้ายังเต็มไปด้วยปราณปีศาจที่หนาแน่น ดูเหมือนจะเป็นจ้าวนภาระดับแนวหน้าอีกด้วย
สำนักเขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินวุ่นวายอลมาน ยักษ์จ้าวนภาหมื่นฟุตเก้าตนอำนาจมหาศาล ทุกการขยับโจมตีก็ได้ระเบิดพลังมหาศาลออกมา สามารถเทียบเท่าผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวนภาลงมือด้วยตนเอง
ศิษย์และผู้อาวุโสหลายคนของสำนักศักดิ์สิทธิ์ บางคนต่อสู้จนตาย มองว่าการตายเป็นเหมือนการกลับบ้าน แต่ไม่ว่าพวกเขาจะต่อสู้อย่างไร ก็ไม่สามารถคุกคามยักษ์จ้าวนภาเก้าตนได้แต่อย่างใด เพราะพลังนั้นแตกต่างกันเกินไป
มีบางคนพยายามสำแดงวิชาสุดชีวิตเพื่อบินหนี ต้องการจะหนีออกไป แต่ว่าโซนที่ซึ่งแผ่นดินนี้ตั้งอยู่นั้นถูกปิดกั้นเอาไว้ ยังมีจ้าวนภาไร้เจตสิกนั่งมองอยู่บนที่สูงเหมือนเสือรอตระครุบเหยื่อ ใครก็ตามที่ต้องการหลบหนีจะถูกฆ่าทันที
เขาทิพย์ที่สูงตระหง่านแต่ละลูกถูกบดขยี้เป็นผง ด้านหลังของยักษ์จ้าวนภาเก้าตน สำนักเซียนไร้เจตสิกมีลูกศิษย์อีกหลายคนมากมายเหมือนตั๊กแตน ปล้นความมั่งคั่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินอย่างป่าเถื่อน
แหวนเก็บของของศิษย์เหล่านั้นที่เสียชีวิตในสนามรบ รวมถึงขุมทรัพย์แห่งทรัพยากรของสำนักศักดิ์สิทธิ์ ยังมีหอไตรที่เก็บการสืบทอดพลังอมตะเอาไว้ ต่างเป็นเป้าหมายหลักของสำนักเซียนไร้เจตสิกในเวลานี้
“อย่าได้ต่อต้าน”
ยู่หวูฉิวยกมือขึ้นโบก ทันใดนั้นเสื้อคลุมแขนเสื้อก็ใหญ่ขึ้นและกลายเป็นโซนด้านหนึ่ง จากนั้นก็นำช่าจื่อเยียน เสี่ยวเจียงหมิง เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่พวกเขาทั้งหมดเขาไป
“ปีศาจยักษ์แห่งหุบเขาปีศาจเก้าโลกาอสูรฟ้า?” เฟิ่งหวูซินสีหน้างุนงง รู้ถึงตัวตนของยู่หวูฉิวแล้ว
เข็มทิศมหาแดนของหลัวซิวมันเกิดมาจากมือของเขา เฟิ่งหวูซินเมื่อยังก็เคยไปที่โลกาอสูรฟ้าเพื่อหาประสบการณ์ ต่อมาก็บรรลุแดนจ้าวนภา,เพื่อลับคมพลังของตนเอง ก็เคยปะทะกับผู้แข็งแกร่งจ้าวนภาภายในโลกาอสูรฟ้ามาไม่น้อย
ปีศาจยักษ์แห่งหุบเขาปีศาจเก้าเป็นคือความลึกลับมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยได้ประมือกับเขามาก่อน แต่ก็สามารถคาดเดาได้ถึงตัวตนของอีกฝ่าย
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ดังนั้นข้าแนะนำให้เจ้าเลิกคิดที่จะต่อสู้กับข้าฉัน” ยู่หวูฉิวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
นี่คือสิ่งที่เขาทำข้อตกลงไว้กับหลัวซิว หน้าที่ของเขาคือแค่ปกป้องผู้คนของสำนักไท่เสวียน สำหรับความเป็นตายของผู้อื่นนั้น ปีศาจทั้งเก้าไม่สนใจ