มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1409
ทิศตะวันออกมีปราณม่าวง ตะวันตกมีแสงเรือน ปรากฏการณ์แปลกประหลาดทั้งหมดนี้ล้วนบรรจบกันที่ทิศเหนือ ดึงดูดความสนใจของนักยุทธ์ในโลกแสงดาวได้เป็นจำนวนมาก
ตำหนักดารานภา แม้กระทั้งบอาจารย์ในสำนักดำเหลืองยังตื่นตกใจไปด้วย เกาเหลียนหงที่คอยคุ้มกันรักษาอยู่ในสำนักไท่เสวียนก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมาเช่นกัน
“ปราณม่วงเคลื่อนมาจากทิศตะวันออก เป็นนิมิตมงคลที่จุติลงมาจากสวรรค์ หรือว่ามีของวิเศษบังเกิดในโลก?”
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งเดินออกมาจากสถานที่ฝึกตนปิดขังของตัวเอง โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในอาณาจักรเหนือ ต่างพากันมองไปทางตำแหน่งที่บรรจบกันของปรากฏการณ์แปลกประหลาดฟ้าดินนั่น
อย่างไรก็ตาม หลังจากผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ต่างพากันไปถึงสถานที่แห่งนั้นแล้ว กลับพบว่าตำแหน่งที่ปรากฏการณ์แปลกประหลาดบรรจบกันถูกค่ายกลขนาดใหญ่ปิดผนึกไว้ ราวกับเขตพื้นที่บริเวณหนึ่งหมื่นไมล์โดยรอบได้ตัดขาดจากโลกภายนอกยังไงอย่างนั้น ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ ก็ไม่สามารถก้าวผ่านเข้าไปในสถานที่ดังกล่าวได้แม้แต่ครึ่งก้าว
“โครม……”
บนนภาอาณาจักรเหนือ มีเมฆที่มืดครึ้มรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เมฆดำเหล่านี้แน่นหนาจนน่ากลัว มีสายฟ้าสีทองราวกับมีกระบี่เทพที่เฉียบคมเฉือนผ่าไปมาอยู่ในชั้นเมฆ
“ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธ?!”
วินาทีนี้ทุกคนต่างตกใจมากจนหน้าถอดสี โดยเฉพาะเหล่าผู้แข็งแกร่งแดนเทพมาร อดีตพวกเขาล้วนเคยสัมผัสกับพลังออร่าของทัณฑ์สายฟ้าพิโรธ จึงดูไม่ผิดอย่างแน่นอน
“ไม่ใช่มีของวิเศษบังเกิดในโลกแต่อย่างใด แต่มีคนกำลังจะข้ามผ่านทัณฑ์อย่างนั้นหรือ?”
“บางทีอาจเป็นสมบัติล้ำค่าที่อยู่เหนือกฎธรรมชาติทั้งปวงบังเกิดก็เป็นได้ ซึ่งต้องผ่านพิธีล้างบาปจากทัณฑ์สายฟ้าพิโรธก่อน”
ตัวสำนึกที่มากมายกำลังสื่อสารกันและกัน ในความเป็นจริงเทพมารผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากในโลกแสงดาวต่างมารวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้ตั้งนานแล้ว ต่างถูกค่ายกลระดับเทพขวางกั้นอยู่ด้านนอก หลบซ่อนอยู่กลางอากาศที่ว่างเปล่า
“ตู้มม!”
ทันใดนั้นเอง เสียงสั่นสะเทือนราวกับเสียงตีกลองก็ดังขึ้น ทุกคนต่างสามารถสัมผัสได้ว่าห้วงอากาศที่ว่างเปล่าในโลกกำลังสั่นสะเทือนเพราะเสียงดังกล่าว เลือดปราณที่อยู่ในร่างกายลอยขึ้น มีอำนาจอันน่าเกรงขามที่ยิ่งใหญ่ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าซัดกระหน่ำไปทั่วทั้งท้องฟ้า
“ตู้มม!”
ถัดจากนั้นเสียงแบบเดียวกันก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเสียงที่มีจังหวะมาก ๆ ราวกับในค่ายกลระดับเทพที่เกิดจากการรวมตัวกันของปรากฏการณ์แปลกประหลาดต่าง ๆ มีมังกรแท้ที่น่าสยดสยองตัวหนึ่งกำลังจะตื่นจากการหลับลึกยังไงอย่างนั้น
“หรือว่านี่คือ……เสียงเต้นของหัวใจ?”
เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ห้วงอากาศที่ว่างเปล่ามองหน้ากันและกัน ใบหน้าของทุกคนล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ แค่เสียงหัวใจเต้นก็มีอำนาจบารมีเช่นนี้แล้ว คนดังกล่าวต้องเป็นบุคคลที่อยู่ระดับใดกันแน่นะ?
อย่างน้อยผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกปัจจุบันอย่างอาจารย์ในตำหนักดาราและสำนักดำเหลืองที่มีผลการฝึกตนอยู่ที่เทพมารช่วงปลาย ก็ไม่มีทางมีอำนาจบารมีที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้แน่นอน
“หรือจะเป็นเทพฟ้า?”
มีความสงสัยเช่นนี้กระพริบขึ้นมาในจิตใจเหล่าเทพมาร แต่ทว่าไม่นานนักความสงสัยนี้ก็ถูกปฏิเสธไป เนื่องจากภายใต้กฎเกณฑ์ที่จำกัดในพิภพ โลกแสงดาวไม่มีทางมีผู้แข็งแกร่งที่อยู่สูงกว่าระดับเทพมารอย่างแน่นอน
“โครม!”
ท่ามกลางเสียงเต้นของหัวใจที่ทั้งแข็งแรงและมีพลัง ลำแสงขนาดใหญ่ลำแสงหนึ่งก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ลำแสงดังกล่าวคือสีแดงเลือด เหมือนมังกรเลือดตัวหนึ่งกำลังแยกเขี้ยวตะปบเล็บ จะฉีกกระชากนภาให้ขาด
นี่คือพลังปราณเลือดที่มีพลังมากมายมหาศาล เมฆสายฟ้าที่แน่นหนาบนนภายังรวมตัวกันไม่เสร็จ ก็ถูกมังกรปราณเลือดดังกล่าวพุ่งกระแทกจนแตกสลาย แสงสายฟ้าสีทองระเบิดแตกไปทั่วทุกสารทิศ
“เป็นพลังปราณเลือดที่น่าสยดสยองมาก เมฆแห่งทัณฑ์สายฟ้าถูกทลายจนแตกสลาย แทบจะสามารถกดอัดกฎฟ้าดินได้แล้ว”
เหล่าผู้แข็งแกร่งเทพมารในโลกแสงดาวต่างเหงื่อแตกท่วมหน้าผาก พวกเขาพอจะยืนยันได้แล้วว่านี่ไม่ใช่สมบัติอะไรบังเกิดในโลกนี้เลยด้วยซ้ำ แต่มีคนกำลังข้ามผ่านทัณฑ์ในอาณาจักรเหนือของโลกแสงดาว
ภายในโลกแสงดาวต้องไม่มีทางมีผู้แข็งแกร่งที่น่าสยดสยองระดับนี้คงอยู่แน่นอน มิเช่นนั้นพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในโลกแสงดาวมาตั้งหลายหมื่นปี พวกเขาไม่มีทางสัมผัสไม่ได้เลยแน่นอน
ยังไม่ข้ามผ่านทัณฑ์ อำนาจบารมีก็น่ากลัวเช่นนี้แล้ว ทันทีที่ข้ามผ่านทัณฑ์สำเร็จ เขาคนนั้นจะไม่มีพลังที่สามารถทำลายล้างฟ้าดินได้เลยหรือ?
“ทุกท่าน ผู้แข็งแกร่งระดับนี้ไม่ใช่ผู้ที่เราสามารถรุกรานได้อย่างแน่นอน เรารีบกลับไปให้เร็วที่สุดจะดีกว่า”อาจารย์สำนักดำเหลืองพูดด้วยสีหน้าท่าทางที่ตึงเครียด