แต่ทว่าแค่กมลโลกาอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ ยังต้องใช้เคล็ดวิชาพิเศษบางอย่างเพื่อทำให้ตราชีวีของตัวเองผสมเข้ากับกมลโลกา
“เจ้ามาถึงที่นี่ได้ด้วยอย่างนั้นหรือ?”
เสียงที่ฟังดูว่าหวาดผวาเสียงหนึ่งดังขึ้น มีใบหน้าของเทพฟ้าซิงหยูปรากฏอยู่บนกมลโลกา ใบหน้าของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้น หวาดผวาและตื่นตระหนก
เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าการที่หลัวซิวมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้นั้น เจ้าของกมลโลกาก็อาจจะถูกเปลี่ยนได้ง่าย ๆ ตราชีวีของตัวเองที่ผสมอยู่ในกมลโลกาก็เหมือนดั่งลูกไก่ในกำมือ ฝ่ายตรงข้ามสามารถกลั่นแปรมันได้ง่ายดุจปอกกล้วยเข้าปาก
“ขอเพียงเจ้ายอมปล่อยข้าไป ข้าสามารถตอบตกลงทุกเงื่อนไขของเจ้าได้!”เทพฟ้าซิงหยูตะคอกเสียงดังลั่น
“ข้ารู้สึกสงสัยในเคล็ดวิชาทที่อาศัยกมลโลกาบุกเบิกพิภพมาก ๆ”หลัวซิวเดินไปหน้ากมลโลกาอย่างชะล่าใจ
“เงื่อนไขนี้ข้าตอบเจ้าไม่ได้!”เทพฟ้าซิงหยูปฏิเสธอย่างไม่ลังเลใจ“ไม่ใช่เพราะไม่อยากบอกเจ้า แต่ทว่าข้าเคยกล่าวคำสาบานอย่างเหี้ยมโหดด้วยเจตนาเดิมของข้าว่าทันทีที่เปิดเผยเคล็ดวิชาดังกล่าว ตราชีวีก็จะแตกสลายและสลายตัวหายไปโดยสิ้นเชิง!”
ที่เขายอมประนีประนอมกับหลัวซิวนั้นก็เพื่อรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ เขาจึงไม่มีทางตอบตกลงเงื่อนไขนี้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว
คำสาบานอันโหดเหี้ยมจากเจตนาเดิม มีข้อจำกัดต่อนักยุทธ์อย่างมาก มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวมหาเทพหรือจักรพรรดิเทพ ทันทีที่กล่าวคำสาบานอันโหดเหี้ยมจากเจตนาเดิมแล้ว ก็ไม่สามารถขัดขืนได้เช่นกัน มิเช่นนั้นก็จะถูกกฎเกณฑ์ที่สูงที่สุดในจักรวาลสังหาร
ด้วยเหตุนี้นักยุทธ์จึงไม่ยอมกล่าวคำสาบานอันโหดเหี้ยมจากเจตนาเดิมโดยง่าย ๆ
หลัวซิวขมวดคิ้วลงเล็กน้อย เทพฟ้าซิงหยูนี่กล่าวคำสาบานอันโหดเหี้ยมจากเจตนาเดิมไว้ แสดงให้เห็นได้เลยว่าเคล็ดวิชาที่ใช้ในการบุกเบิกพิภพถือเป็นความลับอย่างหนึ่ง
“ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าจ่างเทียนเต้าไม่มีทางปล่อยข้าไปแน่ จ่างเทียนเต้าเป็นผู้ใด?”หลัวซิวถามอีกครั้ง
สีหน้าท่าทางของเทพฟ้าซิงหยูปรวนแปร“คำถามนี้ข้าก็ไม่สามารถตอบจ้าได้ ซึ่งก็เป็นเพราะคำสาบานอันโหดเหี้ยมจากเจตนาเดิมเช่นกัน”
“นอกเหนือจากเงื่อนไขสองข้อนี้แล้ว เจ้าสามารถเปลี่ยนเป็นเงื่อนไขอย่างอื่นได้หมดเลย”เทพฟ้าซิงหยูก็หมดหนทางเช่นกัน เขานึกไม่ถึงเลยว่าคำถามทั้งสองข้อที่ฝ่ายตรงข้ามถามมานั้น จะเกี่ยวข้องถึงสิ่งต้องห้ามทั้งสองข้อ
หลัวซิวแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น“คิดจะเจรจาเงื่อนไขกับข้า อย่างน้อยเจ้าก็ต้องเอาความจริงใจของเจ้าออกมา แต่ดูเหมือนกับว่าเจ้าจะไม่มีความจริงใจนั้น”
“ข้าสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ในการฝึกตนจนบรรลุถึงเทพฟ้าของข้าให้แก่เจ้าได้ เจ้าเพิ่งบรรลุขึ้นมาถึงเทพมาร หากได้รับประสบการณ์ของข้า เส้นทางการฝึกตนในอนาคตของเจ้าต้องราบรื่นอย่างแน่นอน!”
“อีกอย่างครั้นเมื่อข้ายังไม่ใช้วิถีร่างผันบุกเบิกพิภพ ข้าได้นำทรัพย์สินทั้งหมดของข้าซ่อนไว้ในสถานที่ที่ซ่อนเร้นแห่งหนึ่ง ข้าก็สามารถบอกตำแหน่งที่ตั้งให้แก่เจ้าได้เช่นกัน!”
เทพฟ้าซิงหยูเสนอข้อแลกเปลี่ยนของตน
“ข้าไม่สนใจทั้งหมดที่เจ้ากล่าวมา”หลัวซิวไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ
พลังจุติมรณะรวมไปถึงผังกฎดั้งเดิมทั้งเก้ารูปต่างเป็นระบบการฝึกตนที่สมบูรณ์แบบมาก ๆ อีกทั้งทรัพย์สินของเทพฟ้าคนหนึ่งก็ไม่มีสมบัติอะไรที่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้เช่นกัน
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ตอบคําถามสองข้อนั้นของข้ามา มิเช่นนั้นข้าก็จะทำให้ตราชีวีของเจ้าดับสลายหายไป”หลัวซิวแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางกล่าว
“เจ้า……เจ้าตายไม่ดีแน่!”ใบหน้าของเทพฟ้าซิงหยูดูดุร้ายขึ้นมา
“ดูท่าน่าจะไม่มีพื้นที่ให้เจรจาแล้วสินะ”ดวงตาหลัวซิวเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตที่จะฆ่าในทันที วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพปรากฏกลางฝ่ามือ ในระหว่างที่รูเล็ตกำลังหมุน แก่นสารที่อยู่ในตราชีวีของเทพฟ้าซิงหยูก็ถูกดึงดูดออกมาจากกมลโลกา
ให้ตายยังไงเทพฟ้าซิงหยูก็ไม่ยอมตอบคำถามสองข้อนั้น นี่จึงทำให้หลัวซิวยืนยันแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามน่าจะกล่าวคำสาบานอันโหดเหี้ยมจากเจตนาเดิมไว้จริง ๆ
เขาไม่ทราบว่าเบื้องหลังนี้มีเรื่องอะไรซ่อนเร้นอยู่กันแน่ แต่ทว่าขอเพียงเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง เขาก็เบื่อที่จะไปสนใจเช่นกัน สาเหตุที่เขาถามคำถามสองข้อนั้น ก็เป็นเพราะความสงสัยเท่านั้นแหละ
“หากฆ่าข้า ไม่เร็วก็ช้าเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี!”เทพฟ้าซิงหยูสาปแช่งอย่างเคียดแค้นอีกครั้ง