ถึงอย่างไรซือถูเจิ้งเจี้ยนก็เป็นถึงราชาเทพเชียวนะ มาตรแม้นว่าอยู่ภายใต้การกดอัดของกฎเกณฑ์ในพิภพ แต่เขาก็อยู่ในระดับกึ่งราชาเทพอยู่ แม้แต่พี่ใหญ่ของพวกเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ ส่วนหลัวซิวนั้นอยู่เพียงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ช่วงระยะห่างของทั้งสองแตกต่างกันอย่างมาก ใช้หัวแม่เท้าคิดยังพอจะเดาผลลัพธ์สุดท้ายได้เลย
“หลัวซิวผู้นี้ต้องได้รับโอกาสที่ไร้เทียมทานอย่างแน่นอน ซึ่งไม่สามารถใช้หลักการทั่วไปมาคาดคะเนตัวเขาได้”เซียวจื่อเจี้ยนกล่าวอย่างอิจฉาเล็กน้อย
ในบรรดาปีศาจทั้งเก้า พรสวรรค์ของเขาสูงที่สุด มีโอกาสบรรลุเป็นราชาเทพมากกว่าปีศาจยักษ์ที่มีศักยภาพแข็งแกร่งมากที่สุดเสียอีก แต่ทว่าเมื่อนำพรสวรรค์ที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุดไปเปรียบเทียบกับหลัวซิวละก็ กลับดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัดเลย น้อยนิดมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึง
“ศิษย์ในสำนัก รวมไปถึงผู้หญิงของเขาล้วนอยู่ในกำมือของพวกเรา!”แววตาของปีศาจสามกุ่ยเชียนโฉเป็นประกายขึ้นมา
เห็นได้ชัดเจนเลยว่ากุ่ยเชียนโฉยังไม่ละทิ้งแผนการที่จะลงมือแก่งแย่งความลับและถ่ายทอดสืบสานที่อยู่บนตัวหลัวซิว
นอกเหนือจากเซียวจื่อเจี้ยนที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ปีศาจที่เหลือต่างรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อยเช่นกัน
เดิมทีพวกเขาก็เป็นปีศาจที่ผ่านการเข่นฆ่าอยู่ในโลกาอสูรฟ้ามานานมาก ๆ แล้ว จิตใต้สำนึกของพวกเขาไม่มีคำว่าคุณธรรมอะไรอยู่แล้ว เว้นแต่จะไม่มีการทรยศระหว่างพี่น้อง สำหรับพวกเขาการหักหน้าแสร้งไม่รู้จักกันถือเป็นกิจวัตรของพวกเขาเลย
มีผู้ใดไม่ต้องการครอบครองโอกาสที่ไร้เทียมทานบ้างเล่า? มิหนำซ้ำโอกาสที่ไร้เทียมทานนี่มิได้อยู่ในกำมือของผู้แข็งแกร่งแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงผู้น้อยที่ผลการฝึกตนอยู่ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น
ต่อให้เขามีกลอุบายสามารถปลดปล่อยพลังที่เทียบเคียงกับเทพฟ้าออกมาได้แล้วอย่างไร? พวกเขาพี่น้องทั้งเก้าล้วนเป็นเทพฟ้า ปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวยิ่งเป็นเจ้านภา ยังไม่สามารถกำราบหมอนั่นได้อีกหรือ?
“พี่สามพูดถูก ก่อนหน้านี้เราต่างพะว้าพะวังไม่กล้าลงมือต่อเขา เพราะเกรงว่าหลังจากที่เขาหนีรอดไปได้ เขาจะตามกลับมาล้างแค้นในอนาคต แต่ทว่าปัจจุบันจุดอ่อนของเขาถูกกุมอยู่ในกำมือของพวกเรา เราจึงสามารถจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย”ปีศาจแปดเยียนหวูมิ่งก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือกเช่นกัน
“เขายอมใช้เคล็ดวิชาพลังอมตะที่ล้ำค่าวิชาหนึ่งมาขอร้องให้พวกเราช่วยเหลือ ทำให้เห็นได้เลยว่าเขาใส่ใจคนเหล่านั้นมาก ๆ”ปีศาจสี่เหยียนจงโหมวก็หวั่นไหวเช่นกัน
ปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขากำลังกำลูกแก้วสีเงินที่เป็นประกายระยิบระยับอยู่ในมือ นี่คือลูกแก้วแดนปริศนาหนึ่งลูก ภายในมีพื้นที่กว้างกว่าหนึ่งหมื่นไมล์แฝงซ่อนอยู่ ผู้คนในสำนักไท่เสวียนล้วนอยู่ในนี้
เหมือนอย่างที่เหล่าน้องชายของเขากล่าวมา มีลูกแก้วแดนปริศนานี้อยู่ในกำมือ สามารถเจรจาต่อรองกับหลัวซิวเพื่อรับข้อแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าเดิมได้จริง ๆ
มากกว่านั้นคือมันสามารถทำให้หลัวซิวพะว้าพะวังได้ด้วย กำราบเขา ได้รับความลับและโอกาสทุกอย่างที่อยู่บนตัวเขา ไม่ว่าจะมองจากจุดใด ทั้งหมดนี้ล้วนจะส่งผลดีที่ไร้ขอบเขตต่อพวกเขาพี่น้องทั้งเก้า
ทันใดนั้นเอง ยู่หวูฉิวก็เงยหน้าขึ้นไปมองห้วงอากาศที่ว่างเปล่านอกเรือรบ มีลำแสงหนึ่งกำลังพุ่งตรงเข้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาลมหายใจเดียว แสงดังกล่าวก็เข้ามาถึงตรงหน้าม่านแสงของเรือรบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คนดังกล่าวอยู่ในชุดคลุมยาวสีดำขาว ด้านหลังมีปีกมังกรสีทองสามคู่กำลังสั่นกระพือ ซึ่งผู้ที่มาถึงก็คือหลัวซิวนั่นเอง
แววตาของพวกกุ่ยเชียนโฉดูไร้ชีวิตชีวาลงไปทันที เนื่องจากพวกเขาต่างสัมผัสได้ว่าพลังออร่าที่อยู่บนตัวหลัวซิวแข็งแกร่งมากกว่าเดิมแล้ว
“ขอแสดงความยินดีกับน้องชายด้วยนะที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนเทพมารแล้ว”บนชั้นดาดฟ้าของเรือรบ ยู่หวูฉิวอมยิ้มเล็กน้อย มีเส้นทางหนึ่งปรากฏบนม่านแสงที่ครอบคลุมเรือรบไว้
“แค่เคราะห์ดีถึงบรรลุน่ะ เมื่อเปรียบเทียบกับทุกท่านแล้ว ก็ยังแตกต่างกันมาก ๆ อยู่ดี”
หลัวซิวก็อมยิ้มอย่างเรียบนิ่งเช่นกัน จากนั้นเขาก็ทะลุผ่านเส้นทางบนม่านแสงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะร่วงลงบนชั้นดาดฟ้าของเรือรบ
เก็บปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทินที่อยู่ด้านหลังเข้าที่ สายตาร่วงลงบนลูกแก้วแดนปริศนาที่อยู่บนมือยู่หวูฉิว“ทุกท่านควรปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาแล้วใช่ไหมขอรับ?”
ครั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นสัญญาต่อกัน หลัวซิวไม่ได้ให้ยู่หวูฉิวกล่าวคำสาบานอันโหดเหี้ยมจากเจตนาเดิม ด้วยเหตุนี้ปีศาจทั้งเก้าจึงยังมีโอกาสแตกหักกับเขาได้อยู่
แต่ทว่าหลังจากที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนเทพมารแล้ว กำลังรบเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดังคำกล่าวที่ว่าฝีมือสูงคนใจกล้าหาญ เขาไม่กลัวแต่อย่างใดว่าปีศาจทั้งเก้าจะแตกหักกับเขาจริง ๆ