มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1460
“เจ้าเมืองน้อยท่านดูสิขอรับ”
และในตอนนี้เองเหอเฟิงก็หัวเราะพลางใช้นิ้วชี้ไปข้างหน้า ในห้วงดาราอันไกลโพ้นมีแสงสว่างเรืองรองเปล่งประกายออกมาจากดวงดาวดวงหนึ่ง ในห้วงดาราที่มืดมน มันเหมือนหิ่งห้อยตัวหนึ่งยังไงอย่างนั้น
สูญเสียแก้วเทวชั้นกลางไปหมื่นกว่าชิ้นภายในระยะเวลาสามวัน ปัจจุบันพวกเขาก็ออกจากเมืองฟ้าเยือกมาเป็นเวลาสองเดือนกว่าแล้ว บวกกับพลังงานที่สูญเสียไปครั้นเมื่อปะทะกับฝูงปีศาจหมาป่า รวมไปถึงกำลังคนทรัพยากรวัตถุ แค่ต้นทุนของแก้วเทวที่ใช้สอยไป ก็เป็นจำนวนตัวเลขที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ แล้ว
สีหน้าของจี้ซิวดูย่ำแย่มาก ๆ หากสิ่งที่ค้นพบเป็นเพียงเหมืองแก้วเทวชั้นล่างขนาดเล็กแห่งหนึ่งละก็ ไม่แน่กำไรที่ได้มาอาจจะไม่เท่าต้นทุนที่เสียไปด้วยซ้ำ
เหอเฟิงก็พอจะคาดเดาสิ่งที่จี้ซิวกำลังนึกคิดในใจได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงยิ้มพลางพูดว่า“ดวงดาวดวงนั้น ข้าเรียกมันว่าดาราเรืองแสง ด้านในมีเหมืองแก้วเทวชั้นกลางหนึ่งแห่ง”
“ชั้นกลาง? เจ้าแน่ใจหรือ?”สีหน้าของจี้ซิวรวมไปถึงศิษย์ทั้งห้าคนที่อยู่ด้านหลังเขาต่างเปลี่ยนแปลงไป
เหอเฟิงผงกหัว จากนั้นเขาก็รีบหัวเราะอย่างขมขื่น“แต่ทว่าดาราเรืองแสงดวงนี้แปลกประหลาดมาก ชั้นบรรยากาศภายนอกของดวงดาวดวงนั้นมีแสงสว่างเรืองรองเป็นประกายระยิบระยับ แท้จริงแล้วมันเป็นค่ายกลขนาดใหญ่หนึ่งค่าย ผลการฝึกตนตั้งแต่ระดับเทพฟ้าเป็นต้นไปก็ยังไม่สามารถข้ามผ่านแสงสว่างอันเรืองรองนั่นของค่ายกลไปได้ มีเพียงเทพมารเท่านั้นที่สามารถทะลุข้ามผ่านไปได้”
“ครั้นเมื่อข้าและจ้าวสำนักปีศาจดำค้นพบดวงดาวดวงนี้ และส่งเทพมารจำนวนไม่น้อยเข้าไปสำรวจภายในแล้ว สรุปผู้คนส่วนมากกลับเสียชีวิตอยู่ภายในนั้น มีเพียงสามคนเท่านั้นที่มีชีวิตรอดกลับมาได้ และพวกเขาก็พบเจอแหล่งทรัพยากรแก้วเทวชั้นกลางที่อยู่บนดวงดาวดังกล่าวด้วย”
จี้ซิวขมวดคิ้วลง“ข้าต้องการทราบข้อมูลที่ละเอียดมากกว่านี้!”
“เหอะ ๆ ได้อยู่แล้วสิ ในเมื่อข้าทำงานร่วมกับเจ้าเมืองน้อยแล้ว จึงต้องบอกเล่าทุกอย่างที่ข้าทราบให้แก่ท่านเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”
เหอเฟิงหัวเราะเบา ๆ จากนั้นเขาก็พูดต่ออีกว่า“จากการบรรยายของสามคนนั้นที่มีชีวิตรอดกลับมาได้ พวกเขาเล่าว่าแหล่งทรัพยากรแก้วเทวชั้นกลางตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของดวงดาวดวงนี้ แต่ทว่าหลังจากที่เข้าไปแล้ว ไม่ว่าจะเข้าไปกี่คน คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบกายก็จะหายตัวไป เหมือนเดินเข้าไปในพื้นที่ที่แตกต่างกัน อีกทั้งภายในนั้นจะมีศัตรูที่น่ากลัวปรากฏอีกด้วย เพราะฉะนั้นคนจำนวนมากจึงเสียชีวิตอยู่ภายในนั้น”
“และสาเหตุที่ทั้งสามคนนั้นสามารถรอดชีวิตกลับมาได้ เป็นเพราะพวกเขาเลือกที่จะยอมแพ้ ซึ่งสิ่งที่ต้องแลกกับการยอมแพ้ก็คือชีวีดั้งเดิมของตัวเองจะสูญเสียไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งเท่ากับทิ้งอายุไขตัวเองไปแล้วครึ่งหนึ่ง!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าท่าทางของเหอเฟิงก็ตึงเครียดขึ้นมา
“เพราะฉะนั้นข้าจึงรับสมัครนักค่ายเทพระดับสูง เพื่อเสาะหาวิธีการทำลายค่ายกลที่อยู่บนดาราเรืองแสงดวงนี้ ขอเพียงสามารถทำลายค่ายกลได้ เราก็จะสามารถบุกทะลวงเข้าไปค้นหาความลับที่อยู่ภายใน!”
“ดาวดวงนี้มันผิดปกติขนาดนี้เลยหรือ?”
จี้ซิวหยีตาลงเล็กน้อย หลังจากฟังคำอธิบายของเหอเฟิงจบ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจเขา
เขาหันไปมองเหอเฟิงรอบหนึ่ง เห็นเพียงฝ่ายตรงข้ามกำลังพยักหน้าให้เขา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าความคิดของทั้งสองเหมือนจะเห็นตรงกันโดยบังเอิญ
“เล่ากันว่าในสถานที่ฝึกตนปิดขังของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์บางส่วน เนื่องจากติดต่อสัมพันธ์กับออร่าพลังเทพมาเป็นเวลานาน ธรณีบริเวณรอบ ๆ ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ผนึกรวมพลังกฎที่มากมายมหาศาลออกมา จนประกอบเป็นแหล่งทรัพยากรแก้วเทว!”
“อย่างไรก็ตามมาตรแม้นว่าผู้แข็งแกร่งแดนราชาเทพจะฝึกตนปิดขังทั้งชีวิต ก็ไม่สามารถทำให้สถานที่ฝึกตนของตัวเองกลายเป็นเหมืองแก้วเทวชั้นล่างขนาดเล็กได้ และบนดาราเรืองแสงดวงนี้ กลับมีเหมืองแก้วเทวชั้นกลางหนึ่งแห่ง บางทีมันอาจจะเป็นสถานที่ฝึกตนปิดขังของอดีตผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพหรือจักรพรรดิเทพก็เป็นได้!”
จี้ซิวค่อย ๆ เอ่ยปากพูด ยิ่งพูดอารมณ์ก็ยิ่งฮึกเหิม“และดูจากปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เจ้ากล่าวมา มีความเป็นไปได้สูงมาก ๆ ว่าบนดาราเรืองแสงดวงนี้อาจจะมีการถ่ายทอดสืบสานของผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานคนหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่เทพมารเหล่านั้นได้ประสบพบเจอเหมือนเป็นบททดสอบอย่างหนึ่งที่มีต่อผู้รับการถ่ายทอดสืบสาน!”
“ที่เจ้าเมืองน้อยกล่าวมานั้น เหมือนสิ่งที่ข้าน้อยสันนิษฐานอยู่พอดีเลย!”เหอเฟิงก็หัวเราะออกมาเช่นกัน