มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1489
เพียงดีดนิ้วสบาย ๆ ทีเดียว เจ้าสำนักพรรคกระบี่ขนนกก็ถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปแล้ว
สำหรับหลัวซิวแล้ว เทพมารขั้น 5 คนหนึ่งนั้นไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าในสำนักและโลกาเล็ก ๆ จำนวนมาก เทพมารนั้นถือว่าเป็นยอดฝีมือขั้นสุดยอดแล้ว
ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นว่าเจ้าสำนักพรรคกระบี่ขนนกกระอักเลือดและกระเด็นออกไป คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุจึงเบิกตากว้างอ้าปากค้าง มีความเหลือเชื่อทะลักออกมาจากสีหน้าแววตา
นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีความช็อกมาก ๆ ด้วย!
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
รูม่านตาทั้งสองข้างของฮู๋ฉุนหยูหดลง ปล่อยพลังตราประทับออกมาจากฝ่ามือทั้งสองข้าง ฝ่ามือทั้งสองข้างค่อย ๆ กลายเป็นสีแดงเลือด สายหมอกที่เหมือนดั่งเลือดที่แดงสดลอยออกมา ผนึกรวมกันเป็นกระบี่ขนนกสีเลือด
อย่างไรก็ตามหลัวซิวแค่ดีดนิ้วทีหนึ่งอย่างสบาย ๆ กระบี่ขนนกสีเลือดก็แตกสลายไปอีกเช่นเคย ควันหลงจากพลังที่ระเบิดออกมาม้วนซัดออกไป ร่างกายฮู๋ฉุนหยูไม่เพียงถอยหลังกลับไป ยังมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากและใบหน้ายิ่งขาวซีดมาก ๆ เหล่าศิษย์พรรคกระบี่ขนนกที่อยู่ด้านหลังเขาก็ล้วนกระอักเลือดเช่นกัน สีหน้าท่าทางดูหวาดผวาถึงขั้นสุด
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่!”
ฮู๋ฉุนหยูซี๊ดปาก เห็นได้ชัดเจนเลยว่าผลการฝึกตนของฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงเทพมารขั้น 3 เท่านั้น แต่ทว่าศักยภาพของเขากลับแข็งแกร่งกว่าตนมาก ๆ ตระกูลสวีมียอดฝีมือระดับนี้คอยคุ้มกันรักษาตั้งแต่เมื่อใด?
นอกจากฝั่งพรรคกระบี่ขนนกแล้ว ผู้คนในตระกูลสวีก็ล้วนเบิกตากว้างอ้าปากค้างเช่นกัน สีหน้าอารมณ์ของทุกคนเปลี่ยนไปหมดแล้ว มีบางคนยิ่งหายใจถี่ เนื่องจากเมื่อครู่นี้พรรคกระบี่ขนนกใช้วาจาทำร้ายฝั่งตน วินาทีนี้พวกเขาจึงรู้สึกสะใจมาก
“ถึงแม้ศักยภาพของเจ้าจะแข็งแกร่งมาก ๆ ทว่าผลการฝึกตนของเจ้าอยู่ต่ำกว่าข้าสองแดน ข้า……”
ในขณะที่สีหน้าฮู๋ฉุนหยูปรวนแปรอยู่นั้น ก็มีจิตที่จะฆ่าไหลทะลักออกมาจากดวงตาเขา เขาสันนิษฐานว่าฝ่ายตรงข้ามต้องใช้เคล็ดวิชาอะไรบางอย่างแน่นอน ถึงเก่งกาจได้เช่นนี้ เคล็ดวิชาที่สามารถทำให้เทพมารขั้น 3 แสดงศักยภาพที่ทรงพลังเช่นนี้ออกมาได้ แสดงว่าผลการฝึกตนที่สูญเสียไปก็ต้องไม่น้อยอย่างแน่นอน
แต่ทว่าเขายังไม่ทันพูดจบ หลัวซิวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ขมวดคิ้วลงกะทันหัน ในแววตามีความรำคาญปรากฏเล็กน้อย
“เสียงดังชิบหาย!”
เงาร่างของเขาหายวับไปภายในพริบตา ก่อนจะปรากฏอยู่ตรงหน้าฮู๋ฉุนหยูโดยตรง แล้วชี้นิ้วลงกลางอากาศที่ว่างเปล่าเช่นเคย
การชี้ที่ดูธรรมดาและเรียบง่ายนี้ กลับมีความเร้นลับอย่างไร้ขีดจำกัดของกฎดั้งเดิมซ่อนอยู่ โดยเฉพาะแรงกดดันอันน่าสยดสยองที่ไม่อาจคาดการณ์ได้นั้น ยิ่งทำให้เจ้าสำนักพรรคกระบี่ขนนกผู้นี้รู้สึกหายใจลำบาก
และนี่เป็นการกดอัดโดยใช้อำนาจที่เด็ดขาด!
จากกำลังรบของหลัวซิว สำหรับคู่ต่อสู้ทุกคนที่อยู่ในแดนแห่งเทพมาร โดยส่วนใหญ่แล้วเขาสามารถใช้อำนาจกดอัดจนคู่ต่อสู้ไร้แรงต้านทานได้โดยสิ้นเชิงเลย
“อั่กก!”
เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากปากฮู๋ฉุนหยูอีกครั้ง ร่างกายเขาเหมือนเศษผ้าที่กระเด็นออกไป ผลการฝึกตนทั้งร่างกายแทบจะถูกทำลายโดยสิ้นเชิงด้วยนิ้วนิ้วหนึ่งของหลัวซิว
เพิ่งมาถึงโลกาดาราอุดรเป็นครั้งแรก ด้วยเหตุนี้หลัวซิวจึงไม่ได้ลงมือสังหารคนดังกล่าวแต่อย่างใด มิหนำซ้ำสำหรับเขาแล้ว เทพมารขั้น 5 กระจอก ๆ ยังไม่มีสิทธิ์เป็นภัยคุกคามต่อตน
“ตอนนี้ข้าสามารถถามคำถามพวกเจ้าได้หรือยัง?”หลัวซิวเอ่ยปากพูดอย่างเรียบนิ่ง ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ สีหน้าของเขาแทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย
จากการที่เขาเอ่ยปากพูดเสียงเบา ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุล้วนเงียบเป็นเป่าสาก แม้แต่เจ้าสำนักที่เป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารในพรรคกระบี่ขนนกยังไร้แรงขัดขืนเมื่ออยู่ในกำมือเขา คนประเภทนี้ไม่ใช่ผู้ที่พวกเขาสามารถต่อกรได้ด้วยอย่างแน่นอน
“ผู้เพื่อนยุทธ์โปรดถามได้เลย แซ่สวีจะตอบทุกอย่างที่ทราบอย่างแน่นอน”นายท่านตระกูลสวีย่างเท้าไปข้างหน้า แล้วทำท่าคารวะพลางก้มคำนับหลัวซิวอย่างลึกซึ้ง
ถึงแม้ไม่ทราบจุดประสงค์ในการมาเยือนของผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ แต่อย่างน้อยการปรากฏตัวของเขาก็ช่วยตระกูลสวีจัดการเรื่องเร่งร้อน ณ บัดนี้ไปได้
“ที่แห่งนี้ตั้งอยู่ส่วนใดของโลกาดาราอุดรหรือ?”หลัวซิวผงกหัวแล้วถาม
“ทิศใต้แสงดาวมูน สำนักเทียนเจี้ยนและสำนักวัชรยักษ์เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด ณ ที่แห่งนี้”นายท่านตระกูลสวีตอบกลับอย่างเคารพนอบน้อม
ฝั่งพรรคกระบี่ขนนกล้วนปิดปากเงียบ เนื่องจากทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุสามารถตอบกลับคำตอบของหลัวซิวได้
อีกทั้งเมื่อดูจากลักษณะท่าทางของนายท่านตระกูลสวีที่ปฏิบัติต่อคนดังกล่าวแล้ว ฮู๋ฉุนหยูจะยังไม่ทราบได้อย่างไรว่าผู้ที่ปรากฏตัวกะทันหันนี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลสวีจริง ๆ การที่ตัวเองไปยั่วยุฝ่ายตรงข้ามนั้น ช่างเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนเสียจริง