มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1494
หลัวซิวไม่ได้พบเจอคนที่เย่อหยิ่งจองหองอย่างองค์ชายเสวียนซิงมานานมาก ๆ แล้ว เห็นได้เลยว่าคนดังกล่าวน่าจะอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดีเลิศเช่นนี้มาจนเคยชินแล้ว จึงกลายเป็นคนจองหองพองขนไปตามธรรมชาติ และมีอุปนิสัยที่หยิ่งผยองอย่างหาที่สุดไม่ได้
อุปนิสัยเช่นนี้ เมื่ออยู่ในโลกาดาราอุดรยังมีสำนักเทียนเจี้ยนคอยหนุนอยู่เบื้องหลัง แต่ถ้าหากไปห้วงดาราละก็ ต้องได้ตายสถานเดียวแน่นอน
หลังจากองค์ชายเสวียนซิงพูดจบ สายตาเขาก็หันไปมองเหล่าผู้คนในตระกูลสวีที่อยู่ด้านล่าง“หุบเขาทิพย์นี้สามารถสร้างราชนิเวศน์ได้หนึ่งหลัง หากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำก็สามารถนำมันสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้เช่นกัน หากผู้คนในตระกูลสวีของพวกเจ้าอยากมีชีวิตรอดต่อไป สามารถอยู่ต่อได้ด้วยตัวตนข้ารับใช้ในราชนิเวศน์ของข้า”
หลี่เสวียนซิงพูดอยู่คนเดียว เขาไม่คิดว่าหลัวซิวและผู้คนในตระกูลสวีจะต่อต้านแต่อย่างใด เนื่องจากในมุมมองของเขา เขารู้สึกว่าไม่มีผู้ใดไม่ทะนุถนอมชีวิตตน ระหว่างความเป็นและความตาย คนส่วนมากต้องเลือกความเป็นอย่างแน่นอน มาตรแม้นว่าต้องทิ้งศักดิ์ศรีของตนก็ตาม
“เจ้าไม่ได้ยินคำพูดของท่านชายอย่างข้าหรือ?”หลี่เสวียนซิงขมวดคิ้วลงกะทันหัน เนื่องจากเขาพูดจบแล้ว แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีขาวดำตรงหน้านี้จะไม่ทำตามที่ตนเรียกร้อง
“ในฐานะที่เป็นทาสรับใช้ มึงไม่มีสิทธิ์สบตากับท่านชายอย่างกู คุกเข่าลงซะ!”
หลี่เสวียนซิงทำเสียงหึอย่างทะนงองอาจ ง้างมือขึ้นแล้วฟาดฝ่ามือออกไป จากนั้นเสียงก็ดังก้องขึ้นมาทันที ฝ่ามือสีทองกำลังกดอัดลงมาทางหลัวซิว
หลี่เสวียนซิงผู้นี้หยิ่งผยองและจองหองพองขนมาก แต่ทว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้สีหน้าของหลัวซิวกลับดูปกติมาก ปล่อยให้ฝั่งตรงข้ามลงมือเต็มที่โดยที่ตนไม่ทำอะไรเลย
ในขณะที่ฝ่ามือสีทองใหญ่นั่นอยู่ห่างจากศีรษะเขาไม่ถึงสามเมตร ก็มีรังสีอันเยือกเย็นปะทุออกมาจากตาหลัวซิว
เงาร่างของเขาหายวับไปภายในชั่วพริบตาเดียว ทำให้ฝ่ามือสีทองใหญ่นั่นโจมตีล้มเหลว และเงาร่างของหลัวซิวก็ปรากฏอยู่ด้านหลังของหลี่เสวียนซิงนั่นโดยตรง
“ปริภูมิเทเลพอร์ต!”
สีหน้าของหลี่เสวียนซิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เสี้ยววินาทีที่สัมผัสได้ถึงคลื่นกฎปริภูมิ กระบี่ยาวที่อยู่ในมือเขาก็หลุดออกมาจากปลอก แล้วฟาดฟันไปทางด้านหลัง
อัจฉริยะที่สามารถฝึกกฎปริภูมิถึงแดนเทพมารนั้นมีไม่มาก แม้หลี่เสวียนซิงจะรู้จักตะลึงเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้ใส่ใจมากนัก เนื่องจากเขามั่นใจในศักยภาพของตนเองมาก ๆ
กระบี่ยาวดุจแสง แต่หลัวซิวกลับยื่นนิ้วมือออกมาเพียงสองนิ้วเท่านั้น ก็หนีบแสงกระบี่เอาไว้ได้อย่างง่ายดาย ทำให้มันไม่สามารถฟันลงมาได้อีกแม้แต่น้อย
ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏในสายตาหลี่เสวียนซิง ทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันที ใบหน้าเกิดความตกตะลึงอย่างเหลือเชื่อ
“นี่เจ้า……”เขาไม่อาจเชื่อภาพเหตุการณ์ที่พบเห็นตรงหน้านี้ได้ด้วยซ้ำ คนดังกล่าวใช้นิ้วมือเพียงสองนิ้วก็สามารถหนีบแสงกระบี่ของเขาได้แล้วอย่างนั้นหรือ?
โดยเฉพาะพลังอำนาจอันน่าสยดสยองที่พรั่งพรูออกมาจากตัวฝ่ายตรงข้าม ณ วินาทีนี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนดั่งกำลังเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวมหาเทพอยู่ยังไงอย่างนั้น!
วิกฤตการณ์แห่งความตายแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายอย่างรวดเร็ว บัดนี้ความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวของหลี่เสวียนซิงก็คือ……เผ่น!
“เจ้ามิใช่เทพมารขั้น 3 แต่เป็นเจ้านภา!!!”
ร่างกายหลี่เสวียนซิงสั่นสะดุ้งอย่างควบคุมไม่ได้ มากกว่านั้นคือเขาไม่เอาแม้กระทั่งกระบี่ยุทธ์ที่ช่วยเหลือประคับประคองชีวิตเขามา ร่างกายกลายเป็นลำแสง เตรียมพร้อมที่จะบินจากไปอย่างรวดเร็ว
ผู้แข็งแกร่งเจ้านภาที่เขาเคยพบเจอไม่ได้มีเพียงผู้เดียว เขาเคยสัมผัสพลังอำนาจอันน่าเกรงขามที่ปลดปล่อยออกมาในเมื่อครู่นี้จากตัวผู้แข็งแกร่งระดับเจ้านภาเท่านั้น
วินาทีนี้หลี่เสวียนซิงแค่อยากหนีออกไปจากที่นี่เท่านั้น เขานึกยังไงก็นึกไม่ถึงว่าทั้ง ๆ ที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้แข็งแกร่งเจ้านภา เหตุใดถึงต้องปลอมผลการฝึกตนอยู่ที่เทพมารขั้น 3
เมื่อครู่นี้เขายังทำตัวจองหองพองขนอย่างหาที่สุดไม่ได้อยู่เลย ประกาศศักดาว่าจะนำคนดังกล่าวมาเป็นทาสรับใช้ของตน ดุจการให้ทาน ทว่าภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว สภาพตัวเองกลับเหมือนดั่งหมาจรจัดที่หนีหัวซุกหัวซุน
หลัวซิวไม่มีทางปล่อยให้หลี่เสวียนซิงหนีรอดไปได้อยู่แล้ว เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าทันทีที่ปล่อยให้ศิษย์ที่กำเนิดมาจากสำนักใหญ่ ๆ เช่นนี้หนีรอดไปได้ เขาก็จะกลับไปฟ้องร้องโดยใส่สีใส่ไข่อีกรอบ จากนั้นค่อยเชิญผู้แข็งแกร่งในสำนักออกมากอบกู้ภาพลักษณ์หน้าตากลับคืนไป
การไล่ล่าจากจี้เฟิงก็ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยเช่นนี้แล้ว หลัวซิวก็ไม่ยอมรุกรานสำนักเทียนเจี้ยนที่มีอาจารย์ราชาเทพคอยคุ้มกันรักษาง่าย ๆ เช่นกัน
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้ลงมือสังหารหลี่เสวียนซิง แต่เป็นการกางนิ้วมือทั้งห้านิ้วออก และเปลี่ยนเป็นมือขนาดใหญ่อย่างมหัศจรรย์ มีสำนักเต๋าเสวียนเทียนปรากฏการณ์กลางฝ่ามือ ก่อนจะผนึกร่างหลี่เสวียนซิงเข้าไปในสำนักเต๋า
เมื่อผู้คนในตระกูลสวีที่อยู่ด้านล่างพบเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว พวกเขาก็ผงะกันไปหมด รู้สึกช็อกกว่าครั้นเมื่อเขาทำให้นักยุทธ์จำนวนมากในพรรคกระบี่ขนนกกลายเป็นกระดูกแห้งกรังเสียอีก