“ขยะ เทพฟ้าช่วงปลายสู้เทพมารไม่ไหวอย่างนั้นหรือ? ทว่าไม่ว่าอย่างไรคนดังกล่าวก็เป็นผู้ที่ข้ารับเข้ามาในสายจ่างเทียนเต้า หากตายง่าย ๆ เช่นนี้ จะให้ข้าเอาศักดิ์ศรีไปไว้ที่ใด?”
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ เงาร่างของมู่หมิงก็กระพริบทีหนึ่งแล้วหายไปกับที่ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว
เมื่อเขากลับไปถึง ก็พบว่าจี้เฟิงถูกมือใหญ่สีขาวดำข้างหนึ่งของหลัวซิวบีดรัดไว้ พลังชีวิตยิ่งอยู่ยิ่งเบาบางลง
“ภายใต้การกฎเกณฑ์การกดอัดของมกุฎเทพ ไม่นึกเลยว่ายังมีศักยภาพเช่นนี้อยู่ ข้าดูถูกเจ้าเกินไปสินะ”
มู่หมิงทำเสียงหึอย่างเยือกเย็น เขาดีดนิ้วทีหนึ่งจากนั้นก็มีแสงสีดำแสงหนึ่งดีดพุ่งออกมา กลายเป็นมังกรอสูรสีดำตัวหนึ่ง พุ่งเข้ามาฆ่าหลัวซิวพร้อมกับเสียงคำราม
“ช่างไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าไปเอาความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองมาจากที่ใด”
หลัวซิวยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ไสหัวไปซะ!”
เห็นเพียงเขาปล่อยหมัดออกไปจนเสียงดังครั่นครื้น หมัดกระบี่ตัดสับออกไป ตัดฉีกแผ่นฟ้าผืนดินสะเทือน ทำให้มังกรอสูรสีดำตัวนั้นถูกบดขยี้แตกสลายเป็นฝุ่นผงคาที่
“นึกไม่ถึงเลยว่าเพื่อเป็นการไล่ล่าข้า จี้เฟิงจะเชิญผู้ช่วยมาด้วย ผู้แข็งแกร่งราชาเทพทั้งสองคนไล่ล่าข้าจากเมืองฟ้าเยือกมาถึงโลกาดาราอุดร ช่างไม่รู้จริง ๆ ว่าข้านั้นควรรู้สึกเป็นเกียรติหรือรู้สึกซวย?”
หลัวซิว ณ วินาทีนี้ มีจิตใจที่ฮึกเหิมและองอาจห้าวหาญ ผมที่ยาวสลวยปลิวลอย แสยะยิ้มอย่างเย็นชาพลางพูด: “ทว่าสิ่งที่ข้าสามารถยืนยันได้คือเจ้าและจี้เฟิง ณ บัดนี้ ต้องซวยอย่างแน่นอน!”
“หากอยู่โลกภายนอก พวกเจ้าทั้งสองไม่ว่าผู้ใดก็ตาม ข้านั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้า!”
“แต่ทว่าเมื่ออยู่ภายในนี้ ถึงแม้พวกเจ้าทั้งสองจะมีเคล็ดวิชาลดทอนการกดอัดจากมกุฎเทพได้ แต่ขอแค่เพียงไม่สามารถแสดงศักยภาพระดับราชาเทพออกมาได้ เช่นนั้นผู้ที่ต้องตายต้องเป็นพวกเจ้าแน่นอน!”
“หากฆ่าพวกเจ้าไป ข้าก็จะไม่มีสิ่งที่ต้องคอยพะวงใจอีกต่อไป สามารถมุ่งไปยังโลกะอัมพรเทวได้อย่างสบายใจ……”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลัวซิวก็แหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น รู้สึกแค่เพียงความอัดอั้นใจในช่วงนี้ถูกระบายออกมาหมดแล้ว
ฟึ่บ!
มือใหญ่สีขาวดำออกแรงบีบ เพลิงมรณะก็ลุกโชนขึ้นมากะทันหัน ทำให้จี้เฟิงถูกแผดเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า
พลังชีวิตที่มากมายมหาศาลถูกดึงดูดออกมา ผสมรวมเข้าไปในร่างกายหลัวซิว และยังมีช่องจิตระดับราชาเทพอีกดวงหนึ่งถูกหลัวซิวยื่นมือออกไปจับไว้อีกด้วย
ครั้นเมื่อประสบกับการถูกจี้เฟิงไล่ล่าตอนอยู่นอกเมืองเมืองเทวะดาราอุดร หลัวซิวรู้สึกว่าการที่ตัวเองจะมุ่งจากโลกาดาราอุดรไปยังโลกะอัมพรเทวนั้น เป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ถึงแม้จะอาศัยอำนาจของมหาเทวะดาราอุดรอยู่ในความปลอดภัยชั่วคราวก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่มีความมั่นใจต่อเส้นทางที่ควรเดินในอนาคตอยู่เช่นเคย
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือจี้เฟิงถึงกับไล่ล่าเข้ามาในแดนปริศนามกุฎเทพ อีกทั้งเมื่ออยู่ภายใต้การกดอัดของแดนปริศนามกุฎเทพ เขาไม่สามารถแสดงศักยภาพระดับราชาเทพออกมาได้ ศักยภาพของเขาเทียบเท่าเทพฟ้าช่วงปลายเท่านั้น
ผลการฝึกตนระดับนี้ที่อยู่ต่อหน้าหลัวซิวเหมือนดั่งมดตัวจ้อย สามารถสังหารได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปาก
“เจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก!”
มีความพิโรธปรากฏบนใบหน้ามู่หมิง “เจ้ามดตัวจ้อยเลวทรามต่ำช้าที่กำเนิดในโลกมนุษย์ ก็บังอาจท้าทายความน่าเกรงขามของแซ่มู่อย่างนั้นหรือ?”
เขาไม่ได้ใส่ใจต่อการตายของจี้เฟิงมากเท่าไหร่นัก ทว่าสิ่งที่เขาใส่ใจคือภาพลักษณ์หน้าตาของตัวเอง เป็นเพียงหนุ่มน้อยกระจอก ๆ ที่กำเนิดในโลกมนุษย์ ถึงกับกล้าไม่ไว้หน้าเขาอย่างนั้นหรือ?
ปราณปีศาจสีดำค่อย ๆ แผ่กระจายออกมาจากร่างมู่หมิง ปราณปีศาจตัดสลับกันและผสมผสานอยู่เหนือศีรษะเขา จนกลายเป็นลักษณะรูปร่างของอสูรโหดที่ดุร้ายน่าสยดสยองตัวหนึ่ง
“ไปตายซะ!”
มู่หมิงชี้นิ้วออกไป อสูรโหดที่ผนึกรวมมาจากปราณปีศาจกระโจนออกไป ความเร็วในการเคลื่อนที่เร็วปานสายฟ้า ไปถึงตรงหน้าหลัวซิวภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว แล้วตะบปกรงเล็บออกไป
“โลกาดาราปลุกเสกร่างข้า!”
หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น เงาลวงที่เลือนรางของดวงดาวอสงดวงที่กว้างใหญ่ไพศาลปรากฏด้านหลังเขา พลังโลกาจุดลมปราณทั้งสองจุดที่ถูกเปิดออกบนแขนซ้ายไหลเทเข้าไปทั่วร่างกาย ทำให้ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาเพิ่มขึ้นทีละขั้น
พลังอำนาจที่มุทะลุดุดันและโหดร้ายแผ่กระจายออกมาจากร่างเขา อาศัยร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่เกะกะระรานถึงขีดสุด เขาปล่อยหมัดออกไปปะทะกับกรงเล็บอันเฉียบคมของอสูรโหด
เสียงปังดังขึ้น กรงเล็บของอสูรโหดแตกกระจายดับสูญ พลังออร่ารอบกายหลัวซิวโหดร้ายน่ากลัวมาก ปีกเทพมังกรครามยักษ์สั่นกระพือแล้วพุ่งตรงไปทางมู่หมิง