สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นก็คือมีศิษย์ใจกลางอยู่ด้วย หากเขาเหยียบคนคนนี้แล้วเลื่อนตำแหน่ง เขาจะสามารถสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาเหลือบมองหลัวซิวอย่างท้าทาย สีหน้าเยาะเย้ย “เป็นศิษย์ใจกลางแล้วไงล่ะ? สามารถเป็นได้เพียงวิธีที่จะให้ข้าก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเท่านั้น”
ผู้อาวุโสที่รับผิดชอบการประเมินได้สูดหายใจเข้าลึก ๆ เห็นเพียงเขายกมือขึ้นคว้า ถือม้วนหยกคำตอบของหลัวซิวไว้ในมือ ดวงตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้า
ในม้วนหยกนี้มีหนึ่งร้อยยี่สิบวิธีแก้ มากกว่าหนึ่งร้อยสิบสามวิธีแก้ที่เขากล่าวไว้ก่อนหน้านี้
แม้ว่าคำถามในการสอบที่เขาให้นั้นเป็นเพียงหนึ่งในค่ายเทพระดับ 4 ที่ง่ายมาก แต่สามารถทำได้ถึงจุดนี้ก็หมายความว่าความเข้าใจและการรับรู้ของคนๆนี้ที่มีต่อค่ายเทพระดับ 4 ถึงระดับที่ลึกลับแล้ว
อย่างน้อยที่สุด ในค่ายเทพระดับ 4 แม้จะเป็นเขาที่เป็นผู้อาวุโสก็ต้องบอกว่าเขาด้อยกว่าเย่ห้าวหราน
“ในรอบแรกของการประเมิน เย่ห้าวหรานได้อันดับที่หนึ่ง… วิธีแก้น้อยกว่าสิบ คัดออก!”
เมื่อผู้อาวุโสของการประเมินประกาศผล เกิดความโกลาหลทันที
“ที่หนึ่งหรือ? ผู้ชายคนนี้ไม่ได้แสร้งทำเป็นว่าเก่ง แต่มีความสามารถจริงๆ หรือ?”
“ข้าได้ยินมาว่าคนผู้นี้อยู่ในสำนักมาหนึ่งปีแล้ว ตอนที่เขาเข้าร่วมสำนัก เขาเป็นเพียงนักค่ายเทพระดับหนึ่งเท่านั้น พรสวรรค์ด้านค่ายกลของเขาไม่ธรรมดาเสียจริง”
ก่อนหน้านี้ชายวัยกลางคนยังมั่นใจมากแต่ตอนนี้เขาหน้าเสียทันที นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อครู่นี้เขายังดูถูกอีกฝ่าย เยอะเย้ยเขาในใจ ตอนนี้เป็นเพราะเขาจองหองเกินไป ไม่รู้จักเจียมตัว
“ในรอบที่สองของการประเมิน เย่ห้าวหรานไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม และได้รับการยอมรับเป็นนักค่ายเทพระดับ 4 ”
ประโยคถัดมาของผู้อาวุโส ยิ่งทำให้เกิดโกลาหลในหมู่ผู้ฟัง
แม้แต่หลัวซิวก็ไม่คิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการประเมินรอบที่สองพร้อมผ่านการอนุมัติโดยตรง
“บรรพจารย์ต้องการพบเจ้า”
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสอีกคนปรากฏตัวขึ้น จ้องมองหลัวซิว เสียงดังเข้ามาในหูของเขา
“บรรพจารย์?”
หลัวซิวรู้ดีว่าในโลกาดาราอุดร มีเพียงราชาเทพเท่านั้นที่สามารถถูกเรียกว่าบรรพจารย์ได้ ในสำนักไท่ไหลมีสองสาย บรรพจารย์ของสายนักยุทธ์คือราชาเทพ บรรพจารย์ของสายวิถีค่ายกลคือปรมาจารย์ไท่หยุน ที่กำลังจะเป็นระดับ 8
ที่จุดสูงสุดของสายวิถีค่ายกล มีถ้ำอยู่หนึ่งถ้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกฝนของบรรพจารย์ไท่หยุน
สถานะของบรรพจารย์ไท่หยุนในสายวิถีค่ายกล เป็นที่เคารพนับถืออย่างยิ่ง และหากไม่ถูกเชิญ สถานที่ฝึกฝนของเขาแม้แต่ผู้อาวุโสก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป
ว่ากันว่าบรรพจารย์ไท่หยุนไม่เพียงแต่เป็นนักค่ายเทพที่จะเข้าสู่ระดับ 8 เท่านั้น แต่ยังเป็นนักยาเซียนระดับ 7 และนักภัณฑ์กลั่นระดับ 7 อีกด้วย
สำหรับผลการฝึกตนของเขา ก็เป็นผลการฝึกตนราชาเทพ สถานะของบรรพจารย์ราชาเทพในสายนักยุทธ์นั้นด้อยกว่าเขามาก
เป็นเพราะการดำรงอยู่ของบรรพจารย์ไท่หยุนเองที่ทำให้สถานะของสำนักไท่ไหลนั้นมั่นคงเสมอมา มีการสืบทอดวิถีแห่งค่ายกลอยู่ในมือ ทำให้กองกำลังอื่นไม่กล้ามีความโลภ
เพราะเป็นราชาเทพคนหนึ่ง แล้วยังนักค่ายเทพที่เกือบจะบรรลุระดับ 8 หากเขาพร้อมเต็มที่ เขาสามารถต่อสู้กับราชาเทพหลายคนในแดนเดี่ยวกันได้ด้วยตัวเขาเอง
ในถ้ำ หลัวซิวได้เห็นการมีอยู่ในตำนานของสำนักไท่ไหล เขาสวมเสื้อคลุมสีขาว เคราและผมของเขาเป็นสีขาวทั้งหมด มีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเขา
“ศิษย์ เย่ห้าวหรานไว้คารวะบรรพจารย์” หลัวซิวก้าวไปข้างหน้าและคำนับด้วยความเคารพ
เขาไม่กล้าที่จะใช้ตัวสำนึกของเขาเพื่อตรวจสอบการฝึกฝนของบรรพจารย์ไท่หยุนอย่างง่ายดาย ชายชราคนนี้ให้ความรู้สึกที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ แม้แต่ผลการฝึกตนที่เขาซ่อนไว้ด้วยวิชาลับก็อาจจะถูกอีกฝ่ายมองออกได้ถ้าไม่ระวัง
“พรสวรรค์ของเจ้าดีมาก” บรรพจารย์ไท่หยุนมองสำรวจหลัวซิวพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย