หลังจากนำม้วนหยกสองม้วนส่งให้หลัวซิว อาจารย์ไท่หยุนก็เข้าปิดขัง ครั้งนี้จะปิดขังหลายปีติดต่อกันไปเรื่อย ๆ หากสามารถบรรลุถึงราชาเทพช่วงกลาง อายุขัยของเขาก็จะเพิ่มขึ้นห้าแสนปี หากว่าล้มเหลวก็จะนั่งจนสลายไปเป็นเถ้าธุลี
แต่หลัวซิวนั้นรู้ดีว่า ความเป็นไปได้ที่อาจารย์ไท่หยุนจะบรรลุได้สำเร็จนั้นมีไม่มาก เพราะว่าพลังชีวีของเขานั้นอ่อนแอเต็มที ผลการฝึกตนอยู่ในจุดที่ต่ำ ก็เหมือนชีวิตของมนุษย์ธรรมดาที่ถึงวัยชรา พลังงานอ่อนแอ เป็นการยากที่จะบรรลุประตูแห่งกฎเกณฑ์
การฝึกยุทธ์ก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ในช่วงเยาว์วัยนั้นมีความเร็วในการเติบโตเร็วที่สุด วัยหนุ่มสาวก้าวหน้าไปง่ายดายเหมือนสายน้ำ จุดสูงสุดของวัยผู้ใหญ่ จากนั้นก็จะเข้าสู่สภาวะที่เริ่มถอดถอยลง และสูญเสียความเป็นไปได้ที่จะไปต่อ
หากนำอายุขัยของหลัวซิวในแดนเทพมารขั้นสูง 100,000 ปีมาอ้างอิง 20,000 ปีแรกเทียบได้กับช่วงวัยรุ่น 20,000 ปีสุดท้ายก็คือช่วงเวลาของวัยชรา
ถ้าเขาอายุ 80,000 ปีแล้ว แต่ยังไม่สามารถบรรลุถึงแดนเทพฟ้าได้ จากนั้นศักยภาพของเขาก็จะหมดลง หมดความเป็นไปได้ที่จะมีการบรรลุอีกต่อไป
สำหรับหลัวซิวแล้วนั้น บรรลุเทพฟ้าช่างเป็นเรื่องที่ง่ายดาย ถ้าไม่ใช่เพื่อให้แดนเทพมารนี้บรรลุถึงจุดสูงสุดของแดนบริบูรณ์เสียก่อน เขาก็สามารถบรรลุได้ทุกเมื่อ
แต่สำหรับนักยุทธ์ส่วนใหญ่ในโลกใบนี้ ก้าวเดินจากเทพมารขั้นสูงสู่เทพฟ้า กักขังผู้คนเอาไว้มากมายนับไม่ถ้วน
นับแต่ออกมาจากถ้ำของอาจารย์ไท่หยุน หลัวซิวมองไปยังม้วนหยกสองม้วนในมือ ม้วนหยกม้วนหนึ่งบันทึกชีวิตประจำวันทั่วไปของอาจารย์ไท่หยุนไว้
ในตอนที่อาจารย์ไท่หยุนยังอยู่ในวัยรุ่น ถูกผู้บำเพ็ญตนอิสระท่านหนึ่งรับเป็นศิษย์ จากนั้นก็เดินทางเข้าสู่เส้นทางค่ายกล ตลอดมาจนถึงช่วงหลังเข้าประสบความสำเร็จในระดับเจ็ด ชื่อเสียงและอำนาจเรืองรอง
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาจึงเข้าร่วมกับสำนักไท่ไหล เปิดเป็นการสืบทอดของสายค่ายล นี่จึงทำให้สำนักไท่ไหลพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นหนึ่งในห้ากองกำลังใหญ่ราชาเทพ เป็นรองเพียงเขามหาเทวะเท่านั้น
แต่เหตุที่อาจารย์ไท่หยุนเปิดสายค่ายกลขึ้นมานั้น ก็เป็นเพราะว่าเพื่อเสาะหาผู้สืบทอด ก็เหมือนกับอาจารย์ของเขาในตอนนั้นที่ค้นพบเขา ส่วนเขาก็ค้นพบหลัวซิว
สำหรับคนของสายค่ายกล ในสายตาของอาจารย์ไท่หยุน ทั้งหมดต่างเป็นการมีอยู่ที่สามารถละเลยได้
คุณค่าการดำรงอยู่ของสายค่ายกล ก็เพื่อเสาะหาผู้สืบทอด ในวันนี้ได้พบเจอกับผู้สืบทอดแล้ว สายค่ายกลย่อมสูญเสียความหมายและคุณค่าไปโดยปริยาย
ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสังเกตได้จากจุดนี้ สำนักไท่ไหลสำหรับอาจารย์ไท่หยุนแล้วไม่ได้มีความรู้สึกถึงความเป็นที่ของตนสักเท่าใด นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดในตอนที่กองกำลังต่าง ๆ แย่งชิงต่อสู้กัน กลับไม่เคยเห็นอาจารย์ไท่หยุนลงมือเลยสักครั้ง
ส่วนเหตุที่ผู้สืบทอดหาได้ยากนั้น นั่นก็เกี่ยวข้องกับม้วนหยกม้วนที่สอง ในนั้นได้บันทึกวรยุทธ์หนึ่งเอาไว้
ชิ้นส่วนตำราค่ายกล!
ที่เรียกว่าเป็นชิ้นส่วน ก็เพราะว่าตำราค่ายกลชุดนี้ไม่สมบูรณ์ มีเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น
ก็เหมือนกับเคล็ดแสงดาวเทียนเต้ารวมถึงวิชาอาถรรพณ์จุดลมปราณ ต่างก็ไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังสามารถเพ็ญตนได้เช่นกัน
ชิ้นส่วนตำราค่ายกลนี้ล้ำลึกเกินคาดเดา จำเป็นต้องมีครอบครองพรสวรรค์ที่สูงมากในด้านค่ายกลจึงจะสามารถฝึกตนได้ ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นอาจารย์ไท่หยุนจึงไม่สามารถค้นหาผู้สืบทอดที่เหมาะสมได้สักคน
แต่เนื้อหาภายในชิ้นส่วนตำราค่ายกลที่เขียนบรรยายเอาไว้นั้น กลับทำให้หลัวซิวประหลาดใจอย่างมาก
จอมยุทธ์ฝึกตนวรยุทธ์ ภายในร่างกายหลอมรวมเป็นผลการฝึกตน เริ่มต้นจากปราณแท้ พลังจิตแท้ ปราณพลัง จนถึงสุดท้ายกฎแห่งการรู้แจ้ง กลั่นแปรเป็นพลังเทพ พลังเวทย์
ระดับสูงต่ำของวรยุทธ์ ตัดสินได้จากระดับความตื้นลึกและความบริสุทธิ์ของผลการฝึกตน อย่างไรก็ตามเส้นลมปราณจุดตันเถียนของร่างกายมนุษย์ก็ยังมีขีดจำกัด เมื่อผลการฝึกตนถูกบรรจุจนถึงระดับที่แน่นอน ก็จะไม่สามารถที่จะบรรจุผลการฝึกตนที่มากไปกว่านั้นได้อีก
แต่ชิ้นส่วนตำราค่ายกล ก็คือการนำเอานิรมิตเส้นลมปราณมาเพื่อจัดการกับปัญหาเช่นนี้
สิ่งที่เรียกว่านิรมิตเส้นลมปราณ ก็คือการปรับรูปร่างการจัดเรียงของเส้นลมปราณร่างกายมนุษย์ขึ้นมาใหม่ คล้าย ๆ กับการจัดวางค่ายกล กลายเป็นวัฏจักรที่สมบูรณ์แบบ นับแต่นั้นทำให้ร่างกายมนุษย์สามารถหลอมรวมพลังเวทย์ผลการฝึกตนได้มากขึ้น อีกทั้งยังบริสุทธิ์ขึ้นด้วย