สำหรับผู้ที่เรียกว่าศิษย์สนิท ผู้น้อยคนหนึ่งที่ยังไม่ถึงแม้แต่แดนเทพมารด้วยซ้ำ ยิ่งไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย
ในใต้หล้านี้ไม่มีกำแพงใดที่ปิดสนิท ต่อให้ ระดับสูงของสำนักไท่ไหลปิดข้อมูลเอาไว้แน่นหนาเพียงใด แต่ก็ยังถูกกองกำลังอื่น ๆ รับรู้ได้อยู่ดี
ชั่วขณะหนึ่งทั่วทั้งโลกาดาราอุดรสับสนอลม่านไปหมด สี่ราชาเทพกองกำลังใหญ่อื่น ๆ ได้โหยหาการสืบทอดสายค่ายกลแห่งสำนักไท่ไหลมาเนิ่นนานแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ผู้อาวุโสหลายท่านของสายนักยุทธ์ก็ได้มาหาหลัวซิว กล่าวออกมาเป็นนัย ๆ ว่าให้เขามอบการสืบทอดของสายค่ายกลออกมา ให้เป็นความรับผิดชอบของสายนักยุทธ์
ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น สายค่ายกลต่างเป็นอิสระอยู่ด้านนอก กระทั่งดูเหมือนว่าจะอยู่เหนือสายนักยุทธ์
แต่ในวันนี้อาจารย์ไท่หยุนปิดขังตาย สายนักยุทธ์ก็พลันมีคนอดไม่ใจไว้ไม่ไหว หมายจะครอบครองการสืบทอดของสายค่ายกล
ทุกคนต่างรู้ดีว่า แก่นการสืบทอดที่แท้จริงของสายค่ายกล ไม่ใช่สิ่งที่เหล่าศิษย์ใจกลางใช้ฝึกตน แต่เป็นสิ่งที่อาจารย์ไท่หยุนถ่ายทอดด้วยตนเอง
เป็นเวลานับแสนปีที่อาจารย์ไท่หยุนไม่เคยรับศิษย์มาก่อน แต่ในวันนี้กลับรับหลัวซิวคนเดียว จากนั้นก็เข้าปิดขัง สายนักยุทธ์ก็ได้รับการยืนยันแล้วว่า การสืบทอดต้องอยู่ในมือของเขาเป็นแน่
“อาจารย์ของข้ายังไม่ตาย!”
สำหรับผู้อาวุโสหลายคนของสายนักยุทธ์ หลัวซิวทำได้เพียงหัวเราะเสียงเย็น และพูดออกมาเพียงหนึ่งประโยค
เมื่อสิ้นเสียง ก็สามารถปรามสายนักยุทธ์เอาไว้ได้
แต่ว่าหลัวซิวก็รู้ดี การปราบปรามเช่นนี้ไม่สามารถยืดเยื้อไปนานสักเท่าใดนัก จากปากผู้อาวุโสของสายค่ายกลเขาได้ยินถึงสถานการณ์บางอย่างที่เปลี่ยนไป ไม่เพียงแค่สายนักยุทธ์ของสำนักไท่ไหล ที่มองการสืบทอดวิถีแห่งค่ายกลบนตัวเขาราวกับเสือจ้องตระครุบเหยื่อ สี่ราชาเทพกองกำลังใหญ่อื่น ๆ ก็มีการเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่ประสบโอกาสอันดี สงครามการแย่งชิงก็จะระเบิดขึ้นทันที
“เพียงแค่ไม่กี่ปีแล้ว……”
ยืนอยู่บนยอดเขา หลัวซิวเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล สามปีก่อนเขารับรู้ได้ถึงปราณความตายบนร่างของอาจารย์ไท่หยุน ด้วยการสัมผัสรู้กฎการเวียนว่ายตายเกิดของเขา ตัดสินได้ว่าอายุขัยของเขาเหลืออยู่เพียงไม่ถึงสิบปีแล้ว
สามปีก่อนหน้านี้ อาจารย์ไท่หยุนส่งต่อประสบการณ์ของตนให้กับเขา ในวันนี้เหลือเวลาแค่เพียงราว ๆ เจ็ดแปดปีเท่านั้น
“เวลาประมาณนี้ น่าจะเพียงพอให้ข้าใช้ชิ้นส่วนตำราค่ายกลนิรมิตเส้นลมปราณ จากนั้นอาศัยมรดกความรู้ของสายค่ายกล กลั่นออกมาเป็นยาเปิดจุดปราณร่างเนื้อ จะทำให้พลังรบร่างหลักของข้าบรรลุถึงขีดสุด ไม่ต้องเกรงกลัวภัยคุกคามจากศัตรูที่แข็งแกร่งทั้งหมด”
ตามความคิดในใจของหลัวซิวที่เพิ่มขึ้น บริเวณใกล้ ๆ สำนักไท่ไหลมีสถานที่รกร้างและไม่โดดเด่นอยู่แห่งหนึ่ง ค่ายซ่อนงำแห่งหนึ่งค่อย ๆ สลายไป ร่างหลักของเขาลงมาเยือนโลกมนุษย์อีกครั้ง!
สามปีกว่าที่ผ่านมานี้ ร่างกลวัฏสงสารที่สองอยู่ที่สำนักไท่ไหล ทำความเข้าใจการฝึกตนของวิถีแห่งค่ายกล ร่างหลักและร่างกลวัฏสงสารที่หนึ่งทำความเข้าใจกฎการเวียนว่ายตายเกิดและกฎห้วงเวลา และในวันนี้สี่กฎใหญ่ชั้นยอดต่างก็บรรลุถึงขั้นที่สามช่วงปลายแล้ว ห่างจากขั้นที่สี่ แค่เพียงหนึ่งเส้นด้ายท่านั้น
หากอาศัยชิ้นส่วนตำราค่ายกลนิรมิตเส้นลมปราณร่วมด้วย ทำให้การหมุนเวียนพลังเวทย์ผลการฝึกตนบรรลุแดนบริบูรณ์ เช่นนั้นดาราทั้ง 18 ดวงของเขาที่ได้หลอมรวมผลการฝึกตนมหาศาลเอาไว้นั้น ก็จะทรงพลังยิ่งกว่าเดิม
หากสามารถทำให้จุดปราณร่างเนื้อเปิดถึงจุดที่สิบแปด เช่นนั้นพลังรบผลการฝึกตนของเขา ก็จะบรรลุถึงระดับสูงสุดของแดนเทพมารขั้นสูง!
เป็นเทพมารขั้นสูงที่สามารถข้ามแดนฆ่าราชาเทพได้ เรียกได้ว่าในประวัติศาสตร์ยังไม่เคยมีเทพมารที่แข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้!
มีโลกาศุภรเป็นตัวช่วย สำหรับหลัวซิวแล้วนั้น เพียงแค่มีทรัพยากรฝึกตนที่เพียงพอ การเพิ่มขึ้นของผลการฝึกตนก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด
สายค่ายกลแม้ว่าจะก่อตั้งมาเพียงไม่กี่แสนปีเท่านั้น แต่การสะสมของมรดกก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ด้วยสถานะเจ้าสำนักน้อยของวิถีแห่งค่ายกลของเขา สิ่งของส่วนใหญ่ต่างก็สามารถใช้ได้ หรืออาจจะใช้แก้วเทวเพื่อแลกเปลี่ยนได้