ท่ามกลางผู้อาวุโสทั้งหก มีสี่ท่านที่อยู่ในระดับระดับเจ็ดมาตรฐาน อีกสองคนอยู่ในระดับเจ็ด ผู้อาวุโสทั้งสองท่านในฐานะนักค่ายเทพระดับเจ็ด ถึงแม้ว่าผลการฝึกตนของตนจะไม่ได้บรรลุแดนราชาเทพ แต่ด้วยตัวตนสถานะที่สูงส่ง เมื่ออยู่ในโลกาดาราอุดร กลับแข็งแกร่งมากกว่าราชาเทพทั่วไปอยู่มาก
“เจ้าหนุ่มผู้นี้มาที่สายค่ายกลของเราเพียงสามปีกว่า กลยุทธ์ที่สำแดงออกมาเมื่อครู่นี้ มันสามารถเรียกได้ว่าเทียบเท่ากับระดับเจ็ดมาตรฐานแล้ว!”
“ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดอาจารย์จึงให้ความกับเขามากจึงเพียงนี้ รับเขาเป็นศิษย์สนิทโดยไม่สนใจสิ่งใด”
“พรสวรรค์ของเขาในวิถีแห่งค่ายกลเรียกได้ว่าน่าเกรงกลัวราวกับสัตว์ประหลาดเลยทีเดียว พวกเราใช้เวลาทำความเข้าใจวิถีแห่งค่ายกลกว่า 200,000 ปีกว่าบรรลุถึงระดับเจ็ดมาตรฐาน เขายังอายุไม่ถึงร้อยปี ก็ถึงระดับเจ็ดมาตรฐานแล้ว” ท่านผู้อาวุโสผู้หนึ่งยิ้มขมขื่น
“ไม่ว่าจะพูดอย่างไร อาจารย์ก็ถือว่าเป็นผู้สืบทอด น่าเสียดายที่ในวันนี้อาจารย์มีอายุขัยไม่มากแล้ว เมื่อใดที่อาจารย์เสียชีวิต แต่เขายังไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง สายค่ายกลของพวกเราเกรงว่าจะต้องจบลงเพียงเท่านี้แล้ว”
ผู้อาวุโสทั้งหกพูดคุยกันไปมา แต่ละคนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด
สำหรับสิ่งสืบทอดที่ได้รับมาจากอาจารย์บนตัวของหลัวซิว พวกเขาผู้อาวุโสทั้งหกใช่ว่าจะไม่ภักดี เพราะพวกเขาทุกคนสามารถเป็นผู้อาวุโสได้ ก็เคยผ่านการชี้แนะจากอาจารย์ไท่หยุนมาเช่นกัน ทุกคนต่างจงรักษ์ภักดีต่อสายค่ายกลอย่างหาที่สุดไม่ได้
ความภักดีประเภทนี้มีต่อสายค่ายกลและอาจารย์ไท่หยุนเท่านั้น ไม่ใช่กับสำนักไท่ไหล
“วิถีแห่งค่ายกลของเจ้าสำนักน้อยบรรลุไปอย่างรวดเร็ว แต่ผลการฝึกตนก็ต่ำเกินไป” ในฐานะ ผู้อาวุโสใหญ่นักค่ายเทพระดับเจ็ดเอ่ยปากขึ้น
สำหรับสิ่งนี้ ผู้อาวุโสที่เหลืออีกห้าคนต่างก็เห็นด้วยอย่างมาก ถึงแม้จะบอกว่า สำหรับนักค่ายเทพแล้ว การบรรลุวิถีแห่งค่ายกลเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ผลการฝึกตนของตนเองก็สำคัญมากเช่นกัน มีเพียงทั้งสองอย่างนี้ที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จึงจะสามารถทำให้นักค่ายเทพเป็นที่เกรงกลัวต่อนักยุทธ์คนอื่น ๆ อย่างแท้จริง
ก็เหมือนกับนักค่ายเทพระดับเจ็ดมาตรฐานคนหนึ่ง หากว่าผลการฝึกตนไม่เพียงพอ ก็จะไม่สามารถควบคุมค่ายใหญ่ระดับเจ็ดมาตรฐานได้โดยง่าย หากมีผลการฝึกตนระดับเทพฟ้าช่วงปลาย ก็จะสามารถจะโจมตีกึ่งราชาเทพได้อย่างง่ายดาย
ภายใต้การจงใจจัดการของผู้อาวุโสทั้งหก ทรัพยากรฝึกตนจำนวนมากถูกส่งไปยังถ้ำของหลัวซิว
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสทั้งหกประหลาดใจก็คือ นอกจากยาเซียนชนิดต่าง ๆ แล้ว ยาสําเร็จรูปต่าง ๆ กลับถูกหลัวซิวให้คนส่งมา แลกเปลี่ยนเป็นยาเซียนหลากหลายชนิดแทน
ยาเซียนที่หลัวซิวต้องการนั้น ส่วนมากต่างก็เป็นระดับหก ถึงแม้จะเป็นคลังของสายค่ายกลก็ยังมีไม่มาก
แต่ว่าสายค่ายกลพึ่งพาค่ายกล กลั่นยา ภัณฑ์กลั่น หลายแสนปีมานี้ได้สะสมความมั่งคั่งมากมาย เพื่อที่จะทำให้พลังของหลัวซิวเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าหลัวซิวจะต้องการสิ่งใด ผู้อาวุโสทั้งหกก็จะรีบสั่งให้คนนำไปมอบให้
นั่นคือประโยชน์ของพลังที่แข็งแกร่ง ในตอนที่เขายังไม่ได้สำแดงพลังระดับเจ็ดมาตรฐานค่ายกล ด้วยสถานะของเจ้าสำนักน้อยถึงแม้ว่าจะสามารถหยิบใช้ทรัพยากรของสายค่ายกลได้ แต่เหล่ายาเซียนและทรัพยากรชั้นสูงบางอย่าง กลับต้องมีป้ายบัญชาการของผู้อาวุโสทั้งหกจึงจะสามารถหยิบใช้ได้
แต่ในวันนี้ ข้อจำกัดทั้งหมดต่างสูญสิ้นไป เพียงแค่ต้องการ ไม่มีสิ่งใดที่เอามาไม่ได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การเปิดจุดปราณร่างเนื้อของหลัวซิวก็กลายเป็นราบรื่นมากยิ่งขึ้น ส่วนผลการฝึกตนที่เขาเผยให้ผู้อื่นได้เห็น ก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
เพียงพริบตาเวลาก็ผ่านไปอีกสองปี หลัวซิวอาศัยอยู่ที่สายค่ายกลของสำนักไท่ไหล เป็นเวลาห้าปีแล้ว
สำหรับคนอื่น ๆ นั้นก็เป็นเพียงแค่เวลาห้าปี แต่สำหรับหลัวซิวที่ปิดขังระยะยาวแล้ว กลับเทียบเท่าได้กับระยะเวลาห้าสิบปี
ในวันนี้ จุดปราณร่างเนื้อของเขาได้เปิดถึงดาราที่ 13 แล้ว ห่างจาก 18 จุดลมปราณบริบูรณ์ไม่ไกลแล้ว
ระยะเวลาสองปี ยาเซียนระดับหกที่เก็บไว้ในคลังของสายค่ายกลดูเหมือนจะถูกเขาใช้จนหมดสิ้น หากเขาต้องการฝึกตน 18 จุดลมปราณให้ถึงแดนบริบูรณ์ ก็จำเป็นต้องออกไปหายาเซียนด้วยตนเอง
แต่จากนั้น ในตอนที่เขาเพิ่งออกจากสำนัก ก็ต้องเผชิญกับการสกัดโจมตี