แต่คนผู้นี้ก็คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักไท่ไหล อาจารย์ไท่ไหล ผลการฝึกตนราชาเทพช่วงกลาง อีกทั้งยังเป็นนักค่ายเทพระดับเจ็ด!
เขาคืออาจารย์ของสายนักยุทธ์ แต่สำหรับการสืบทอดของวิถีแห่งค่ายกลนั้น เขาก็เหมือนกับเสือที่จ้องตระครุบเหยื่อเช่นกัน จงใจค้นคว้าอยู่หลายปี สุดท้ายก็บรรลุถึงระดับเจ็ดแล้วเช่นกัน
หลังจากเสียงของอาจารย์ไท่ไหลที่ดังขึ้น ท้องฟ้าว่างเปล่าเหนือสำนักไท่ไหลต่างเต็มไปด้วยออร่าอันน่าหวาดกลัวถึงขีดสุด เขากำลังใช้วิชาอาถรรพณ์บังคับควบคุมค่ายใหญ่ของสำนักเขา ปิดตายทางหนีของหลัวซิว
ค่ายใหญ่ของสำนักเขาแห่งสำนักไท่ไหล คือค่ายใหญ่ที่มีค่ายกลระดับแปดมาตรฐานนับสิบค่ายล้อมเป็นวงรวมเข้าด้วยกัน
ค่ายใหญ่ระดับแปดมาตรฐานนับสิบค่ายคอยหนุนซึ่งกันและกันจนเป็นค่ายใหญ่ เมื่อทุกค่ายถูกขับเคลื่อน พลังอำนาจนั้นสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพช่วงปลายต้องล่าถอยไปได้
กระทั่งหากว่าค่ายกลเหล่านี้ระเบิดออกพร้อมกันจนสิ้น ก็จะสามารถสังหารผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพช่วงปลายให้ตายได้ในทันที
อีกทั้งค่ายใหญ่ระดับแปดมาตรฐานนับสิบค่ายนี้ ก็เคยเกิดขึ้นมาด้วยฝีมือของอาจารย์ไท่หยุน ได้กลายเป็นรากฐานที่น่าหวาดเกรงของสำนักไท่ไหล สร้างความวิตกกังวลให้กับกองกำลังต่าง ๆ ได้มากถึงขีดสุด
แต่ถึงอย่างนั้น หลัวซิวกลับยังคงสงบนิ่งไม่กระวนกระวายใด ๆ มุมปากเผยรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา “ใช้ค่ายกลของอาจารย์ที่ทิ้งเอาไว้มาต่อกรกับข้างั้นหรือ?”
เขาก้าวขึ้นไปกลางอากาศ ความเร็วราวกับสายฟ้าแลบ พุ่งตรงเข้าไปยังอาจารย์ทั้งสองอย่างไท่ซานกับไท่หลิง
อาศัยร่างเนื้ออสุราที่แข็งแกร่งขั้นสุด พลังอมตะและนักยุทธ์ที่อาจารย์ทั้งสองปล่อยออกมาต่างถูกโจมตีจนสลายไป ร่างของหลัวซิวก็พลันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าอาจารย์ไท่ซาน
“ปัง!”
เขาเงื้อฝ่ามือขึ้น ฟาดไปยังอาจารย์ราชาเทพท่านนั้นจนกระอักเลือด ร่างกายระเบิดออกมาเป็นหมอกเลือด ร่างกายแตกร้าว
“ตาย!”
เสียงตะโกนดังก้องกังวาน พลังอำนาจของค่ายใหญ่แห่งสำนักเขาถูกกระตุ้น รัศมีเทวเจ็ดสีลำแสงหนึ่งหลอมรวมเป็นแสงดาบฟาดฟันเข้ามา บดขยี้ปริภูมิ
พลังของแสงดาบนี้ ทรงพลังมากพอที่จะสร้างความเสียหายให้กับผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพช่วงปลายได้ ห่างไกลจากพลังของหลัวซิวในวันนี้ที่จะสามารถต้านทานเอาไว้ได้
ต่อให้ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาจะแข็งแกร่งมากพอที่จะบดขยี้ราชาเทพช่วงต้นได้อย่างง่ายดาย แต่หากถูกแสงดาบฟาดฟันเข้า ก็ต้องบาดเจ็บสาหัสหรืออาจถึงตายได้เป็นแน่
“จงสลาย!”
หลัวซิวยกมือขึ้นปล่อยวิชาค่ายกลออกมา แสงดาบทีเจ็ดสียาวมากกว่าสิบลี้กำลังพุ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทันใดนั้นมันก็หยุดลงอย่างกะทันหัน และค่อย ๆ สลายหายไปทีละส่วนจนไร้ร่องรอย
“นี่มันเป็นไปไม่ได้! ……”
อาจารย์อันดับหนึ่งของสำนักไท่ไหลตะโกนคำรามด้วยความโกรธออกมาจากที่ไกล ๆในเวลานี้เขาจะยังไม่เข้าใจได้อย่างไร ในตอนที่อาจารย์ไท่หยุนจัดวางค่ายใหญ่ของสำนักเขานั้น ต้องมีการป้องกันเอาไว้ก่อนแล้วเป็นแน่ เย่ห้าวหรานผู้นี้มีสถานะเป็นศิษย์สนิทของเขา แน่นอนว่าเขาก็ต้องเชี่ยวชาญในวิธีการควบคุมค่ายใหญ่ของสำนักเขาเป็นแน่
นัยน์ตาของหลัวซิวสั่นไหวส่องประกายความโศกเศร้าออกมาบาง ๆ เขาจำได้ดีว่า หลังจากตอนที่อาจารย์ไท่หยุนถ่ายทอดวิถีแห่งค่ายกลได้สามปี ก่อนที่เขาจะปิดขังตาย ได้เคยพูดกับเขาไว้ว่า หลังจากที่เขาสิ้นอายุขัย หากสายนักยุทธ์มีความคิดชั่วร้ายต่อการสืบทอดของเขา สามารถใช้วิชาอาถรรพณ์เก็บค่ายใหญ่ของสำนักเขาได้ ให้สำนักไท่ไหลที่ตั้งขึ้นด้วยตนเองนั้นล่มสลายไปด้วยตนเอง
อาจารย์ไท่หยุนเป็นคนหนึ่งที่หยิ่งและเย็นชามาก ไม่ว่าจะเป็นสายนักยุทธ์หรือสายค่ายกล สำหรับเขาล้วนเป็นเครื่องมือในการค้นหาผู้สืบทอดที่เหมาะสมเท่านั้น
เขาไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันใด ๆ ต่อสำนักไท่ไหล แต่กลับมอบสายใยความรู้สึกที่มีอย่างจำกัดของตนให้กับหลัวซิว เพียงเพราะว่าหลัวซิวคือศิษย์ของเขา เป็นคนเดียวที่เขาค้นพบว่าสามารถสืบสานปณิธานของเขาได้
ใช้วิชาอาถรรพณ์สำแดงวิชาค่ายกล หลัวซิวสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ค่ายใหญ่ของสำนักเขาอันทรงพลังไร้เทียมทานที่ตั้งอยู่ในสำนักไท่ไหลแห่งนี้ มันได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
ต่อให้แดนผลการฝึกตนและค่ายกลของอาจารย์ไท่ไหลจะมากกว่าเขาสักเพียงใด ก็ไม่มีทางแย่งชิงอำนาจการควบคุมค่ายใหญ่ของสำนักเขาไปจากมือเขาได้
“ตัด!”
เขายกมือขึ้นชี้ออกไป พลังอำนาจของค่ายใหญ่สำนักเขาก็ถูกเขาควบคุม แสงดาบเจ็ดสีลำแสงหนึ่งพลันปรากฏขึ้น ฟาดฟันไปยังยอดเขา ณ จุดที่สูงที่สุดของสายนักยุทธ์
“ปัง!”
หินพังทลายลง ภูเขาสูงตระหง่านถูกตัดขาดครึ่งเป็นสองส่วน พื้นดินสั่นสะเทือน ฝุ่นควันลอนคละคลุ้ง ทำให้สำนักเขาของสำนักไท่ไหลเกิดความโกลากลขึ้นมาทันที