เหตุที่มีกฎดังกล่าว นั่นก็เป็นเพราะว่าจำนวนของนักยุทธ์ทั่วทั้งดาราจักรวาลมีมากเกินไป โลกาที่มีสภาพแวดล้อมฟ้าดินโดดเด่น กฎที่สมบูรณ์แบบ เหมาะสมแก่การฝึกตน มีใครบ้างที่จะไม่อยากไป?
อย่างไรก็ตามมีสถานที่ดังกล่าวไม่มากนัก ปริภูมิก็ค่อนข้างจำกัดเช่นกัน ดังนั้นมีเพียงผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขเท่านั้น ที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้
ก็เหมือนกับโลกะอัมพรเทวแห่งนี้ ตามที่หลัวซิวได้รู้มา โลกะอัมพรเทวคือโลกาจ้าวมหาเทพหนึ่งในจำนวนอันน้อยนิดของโลกามนุษย์ รอบ ๆ ห้วงดาราของโลกะอัมพรเทว ยังมีพิภพกลางและพิภพต่ำอื่น ๆ อยู่อีกจำนวนมาก มีจำนวนนับพันจนเกือบถึงหมื่น
โลกพิภพเหล่านี้ต่างเป็นดวงดาราทั้งสิ้น โคจรอยู่รอบ ๆ โลกะอัมพรเทวซึ่งเป็นดวงดาราที่ใหญ่ที่สุด กลายเป็นระบบดาราจักรผืนหนึ่ง
พิภพที่มากมายเช่นนี้ ไม่ถือว่าอยู่ไกลจากโลกะอัมพรเทวมากนัก แต่ว่าคนที่มีคุณสมบัติมากพอจะเหยียบเข้ามายังโลกะอัมพรเทว กลับมีแค่เพียงหนึ่งหยิบมือเท่านั้น
นอกจากนักยุทธ์พื้นถิ่นของโลกะอัมพรเทวแล้ว ข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการเข้าสู่โลกะอัมพรเทว สิ่งที่ต้องทำคือมีผลการฝึกตนเทพฟ้าช่วงปลายขึ้นไป ในเวลาเดียวกันต้องชำระค่าธรรมเนียมเป็นแก้วเทวระดับกลางจำนวนหนึ่งล้าน จึงจะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นป้ายบัญชาการหนึ่งชิ้นได้ กลายเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรของโลกะอัมพรเทว
และเพราะได้รู้ถึงกฎเหล่านี้ ดังนั้นโลกาดาราอุดรที่ถูกวาร์ปมายังที่แห่งนี้ทุก ๆ 100 ปี ต่างเป็นผลการฝึกตนกึ่งราชาเทพ ในบางครั้งก็จะมีอาจารย์ราชาเทพที่ตั้งคำถามกับตัวเองว่ายังมีศักยภาพมากพอที่จะก้าวขึ้นไปอีกขั้นหรือไม่ มายังโลกะอัมพรเทวเพื่อเสาะหาโอกาสและโชคลาภ
ตัวสำนึกของหลัวซิวกวาดออกไป พบว่ามีองครักษ์ 203 คนอยู่ในบริเวณใกล้เคียงแท่นวาร์ปที่เขายืนอยู่ ผลการฝึกตนขององครักษ์เหล่านี้ โดยรวมแล้วต่างเป็นเทพฟ้า!
สิ่งนี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตกใจจนลิ้นจุกปาก ที่ต้องรู้คือในตอนนั้นซือถูเจิ้งเจี้ยนเป็นถึงราชาเทพของโลกาชั้นฟ้า เทพฟ้าใต้บัญชาของเขาก็ยังไม่ได้มีจำนวนมากมายถึงเพียงนี้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า มรดกอันมากมายมหาศาลของโลกะอัมพรเทว ไม่ใช่สิ่งที่สามารถพบเจอได้ทั่วไป
แต่ทั้งหมดนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ถึงอย่างไรระดับราชาเทพเหมือนกัน ตำแหน่งภายในโลกาชั้นฟ้าถือว่าธรรมดาทั่วไปมาก แต่เมื่ออยู่ในโลกะอัมพรเทวกลับสถานะและอำนาจสูงมาก เมื่อรวมเข้ากับโลกะอัมพรเทว กูเหมือนว่าจะได้รวบรวมยอดฝีมือแถวหน้าจำนวนมากจากโลกาดาราโดยรอบ
สำหรับภูเขาศักดิ์สิทธิ์อัมพรเทวลูกนั้น ก็คือเส้นทางสู่โลกาชั้นฟ้า คือเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างพิภพโลกามนุษย์และโลกาชั้นฟ้า เป็นภูเขาที่สูงที่สุดทั่วทั้งโลกะอัมพรเทว และยังเป็นสถานที่ที่สะดุดตาที่สุดอีกด้วย
“มีคนนอกวาร์ปเข้ามาอีกแล้วหรือ?”
ในขณะนี้ น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเกียจคร้านก็ดังลอยมา ชายชราที่มีน้ำเต้าอยู่ในมือ จมูกเป็นสีแดงเข้มจากฤทธิ์เหล้าเดินโอนเอนเข้ามา ใต้ฝ่าเท้าลงบนเหยียบเมฆมงคล เหมือนกับเป็นเทพอมตะแห่งโลกเซียวเหยา
สายตาของเขาจ้องมองไปยังร่างของหลัวซิวที่อยู่บนค่ายวาร์ป สะอึกออกมาครั้งหนึ่ง ชายแขนเสื้อโบกสะบัด ไปมา พูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย “ผู้มาใหม่คือผู้ใดกัน จงรายงานชื่อที่มาและผลการฝึกตนออกมา”
“ข้านามหลี่ยู่ มาจากโลกาดาราอุดร ผลการฝึกตนราชาเทพช่วงต้น” หลัวซิวหันไปพูดพร้อมกับประสานมือคารวะต่อชายชรา
เขาไม่ได้บอกชื่อจริงของเขาออกไป เพราะในช่วงนี้ มีความรู้สึกถึงอันตรายบางอย่างแขวนอยู่เหนือหัวใจของเขาตลอดเวลา ซึ่งทำให้เขาระมัดระวังจนเป็นกลายเป็นความเคยชิน
“ราชาเทพ?”
ชายชราจมูกแดงผู้นั้นเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าที่เกียจคร้านนั้นดูเหมือนจะตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อย
รวมถึง องครักษ์เทพฟ้าสองร้อยยี่สิบสามคนที่อยู่รอบ ๆ แท่นวาร์ปก็ยังพากันแสดงสีหน้าที่ที่ทั้งเคารพและหวาดเกรงออกมา เพราะที่โลกะอัมพรเทว เมื่ออยู่ในกองกำลังใหญ่ต่าง ๆ แดนราชาเทพจะสามารถอยู่ในตำแหน่งสูง ๆ ได้
หลัวซิวปลอดปล่อยออร่าผลการฝึกตนของตนออกมา พลังเวทย์ดาราสิบแปดดวงภายในร่างกายปลดปล่อยแสงเทวะสีทองออกมา คลื่นออร่าที่รอดผ่านเส้นผมออกมา มันคือราชาเทพช่วงต้น!
ตั้งแต่ฝึกบทที่หนึ่งของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าเสร็จสิ้น หลัวซิวก็พบว่าเพียงแค่ตนปล่อยคลื่นผลการฝึกตนออกมา ก็คือราชาเทพช่วงต้น คนทั่วไปน้อยนักที่จะมองออกว่าความจริงแล้วเขาคือเทพมารขั้นสูง