แม้ว่าสิ่งนี้อาจดูเหมือนไม่สมจริง แต่มันสามารถขัดขวางคนเลวจำนวนมากได้ กำจัดปัญหาไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“เหอเหอ ยินดีต้อนรับผู้เพื่อนยุทธ์หลี่! ข้านามหลี่ชาง เจ้ากับข้าที่แท้ก็มาจากตระกูลเดียวกัน”
ชายชราจมูกแดงยิ้มเล็กน้อย ประสานมือคารวะ เห็นได้ชัดว่าน่าจะรับรู้ได้ถึงคลื่นผลการฝึกตนระดับราชาเทพบนตัวของหลัวซิว จึงได้มีทีท่าเช่นนี้
“ผู้เพื่อนยุทธ์เกรงใจเกินไปแล้ว” หลัวซิวยิ้มบาง ๆ
“ผู้เพื่อนยุทธ์เชิญทางนี้!”
ท่ามกลางสายตายำเกรงขององครักษ์เทพฟ้าจำนวนมาก หลัวซิวเดินลงมาจากบนแท่นวาร์ป เดินจากไปพร้อมกับผู้อาวุโสหลี่ชางที่เดินอยู่เคียงข้าง
“ผู้เพื่อนยุทธ์มาจากโลกาดาราอุดร ตามที่ข้าได้รับข้อมูลมา ค่ายวาร์ปของโลกาดาราอุดรได้เสียหายไปแล้ว มันจะเปิดเพียงครั้งเดียวในรอบร้อยปี ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพิ่งส่งมาหนึ่งชุด ผู้เพื่อนยุทธ์มาได้อย่างไรหรือ?”
ระหว่างทางที่เดินด้วยกัน หลี่ชางก็เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม ในประโยคที่เอ่ยออกมาแฝงไปด้วยนัยยะของการสอบถาม
ระบบดาราจักรที่มีโลกะอัมพรเทวเป็นศูนย์กลางแห่งนี้ โลกาดาราอุดรก็คือหนึ่งในนั้น ค่ายวาร์ฟล่องหนบนดาราใหญ่ต่าง ๆ ต่างเชื่อมต่อกับค่ายหลักของโลกะอัมพรเทว เพราะฉะนั้น สำหรับสถานการณ์ของโลกาดาราโดยรอบ กองกำลังของโลกะอัมพรเทวก็พอที่จะเข้าใจเหตุการณ์บางอย่างเช่นกัน
“ค่ายวาร์ฟล่องหนของโลกาดาราอุดรถูกซ่อมแซมแล้ว” หลัวซิวตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของหลี่ชางก็เปล่งประกายออกมา “ตามที่ข้ารู้มา หากต้องการซ่อมแซมค่ายวาร์ปนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่พียงแค่ต้องมีระดับค่ายกลถึงระดับเจ็ดขึ้นไป ยังต้องครอบครองกฎปริภูมิขั้นที่สี่ โลกาดาราอุดรมียอดฝีมือเช่นนี้ปรากฎตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
ราชาเทพที่ครอบครองกฎดั้งเดิมขั้นที่สี่เหมือนกัน แต่ระดับความแข็งแกร่งที่ต่างกันก็ทำให้เกิดความแตกต่างอยู่ไม่น้อย ราชาเทพที่ครอบครองขั้นที่สี่กฎปริภูมิ พลังนั้นเมื่อเทียบกับราชาเทพระดับเดียวกัน เรียกได้ว่าจะต้องอยู่ในอันดับต้น ๆ เป็นแน่
ยอดฝีมือเช่นนี้ ภายในโลกะอัมพรเทวนั้นพบได้ไม่มากนัก ราชาเทพปริภูมิผู้หนึ่ง ทั้งยังครอบครองความสำเร็จระดับนักค่ายเทพระดับเจ็ด เช่นนั้นก็ยิ่งถือว่าหายากมาก ๆ ทีเดียว
“ผู้เพื่อนยุทธ์หลี่ชางชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยเพิ่งจะบรรลุนักค่ายเทพระดับเจ็ดได้ไม่นานมานี้เอง” สำหรับเรื่องนี้หลัวซิวไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด
แสดงความแข็งแกร่งของตนในเวลาที่เหมาะสม สถานที่ที่แข็งแกร่งมากมายมารวมตัวกันอย่างโลกะอัมพรเทว สามารถกำจัดดปัญหาไปได้มากทีเดียว
มีความประหลาดใจเล็กน้อยในสายตาของหลี่ชาง ท่าทางที่แสดงต่อหลัวซิวนั้นก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยอีกด้วย
“ผู้เพื่อนยุทธ์เพิ่งมาที่โลกะอัมพรเทว ไม่รู้ว่ามีความคิดจะเข้าร่วมกองกำลังหรือไม่? พวกเราสำนักเซียนปราณม่วง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่กองกำลังชั้นยอดของโลกะอัมพรเทว แต่ก็คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมียอดฝีมืออย่างผู้เพื่อนยุทธ์เข้าร่วม”
หลี่ชางพูดพร้อมรอยยิ้ม นัยยะในการชักชวนนั้นชัดเจนเสียยิ่งกว่าชัดเจน
“กล่าวตามตรง ด้วยสถานะราชาเทพปริภูมิและนักค่ายเทพระดับเจ็ดของผู้เพื่อนยุทธ์ ไม่ว่ากองกำลังภายในโลกะอัมพรเทวต่างก็อยากจะแย่งชิงกันชักชวนทั้งนั้น แต่หากผู้เพื่อนยุทธ์ไปอยู่ที่กองกำลังใหญ่อันดับต้น ๆ เหล่านั้น อาจไม่ได้รับความสนใจอย่างสูงสุด แต่หากมาที่สำนักเซียนปราณม่วงของพวกเรามันจะตรงกันข้าม”
“ข้ายังไม่ได้คิดถึงการเข้าร่วมกองกำลังในตอนนี้” หลัวซิวยิ้มพร้อมส่ายหน้า ไม่ได้ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง
หลี่ชางไม่ได้พูดอะไรมาก อย่างไรก็ตาม เขาไม่ค่อยรู้เรื่องของหลี่ยู่ผู้นี้มากเท่าใดนัก โยนนัยยะของการชักชวนออกไป ก็เป็นเพียงแค่การโยนหินถามทางเท่านั้น
“ตามกฎที่ตั้งไว้ของพวกเรากองกำลังใหญ่ต่าง ๆ แห่งโลกะอัมพรเทว คนนอกที่เข้ามายังโลกะอัมพรเทวต้องจ่ายหนึ่งล้านแก้วเทวระดับกลาง อีกทั้งผลการฝึกตนจำต้องเป็นเทพฟ้าช่วงปลายขึ้นไป แต่ผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพไม่ได้อยู่ในหมวดหมู่นี้ สามารถยกเว้นค่าธรรมเนียมแก้วเทวได้”
ภายใต้การนำของหลี่ชาง หลัวซิวมาถึงที่ห้องใต้หลังคาแห่งหนึ่ง หลี่ชางหยิบป้ายบัญชาการออกมาชิ้นหนึ่ง ภายในตราประทับมีข้อมูลส่วนตัวของหลัวซิว มันจะเป็นบัตรประจำตัวของเขาสำหรับเข้าไปในโลกะอัมพรเทว
หลัวซิวบอกลาหลี่ชาง จากนั้นก็ออกจากห้องใต้หลังคาไปทันที