“วิถีแห่งวัฏจักรชีวิต ประกอบไปด้วยความเป็นตายห้วงเวลา หากว่าเจ้าต้องการฝึกตนวัฏจักรชีวิต ก่อนอื่นก็ต้องฝึกฟ้าดินของตนเอง ทำให้วัฏจักรชีวิตดำรงอยู่ภายในฟ้าดินอย่างเจ้า วิญญาณดั้งเดิมของเจ้าก็คือวิถีแห่งวัฏจักรชีวิต ส่วนร่างเนื้อและผลการฝึกตนของเจ้าก็คือวิถีแห่งฟ้าดิน ตำหนักวัฏจักรชีวิตสำหรับเจ้า ก็คือโอกาสและโชคลาภของวิถีแห่งร่างเนื้อ”
เทพแห่งวัฏจักรชีวิตเมื่ออธิบานจบ ก็ไม่ได้พูดสิ่งใดมากไปกว่านี้อีก กลับเข้าสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง
สำหรับสิ่งที่เทพแห่งวัฏจักรชีวิตได้พูดออกมาทั้งหมดนี้ หลัวซิวก็เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจสักเท่าใดนัก แต่ดูเหมือนว่าจะมีความเข้าใจอย่างคร่าว ๆ บางอย่างตามวิถีของตน
“วัฏจักรชีวิตอยู่ภายในฟ้าดิน เช่นนั้นวิถีในก่อนหน้านี้ของข้า มันก็ผิดน่ะสิ……”
ดวงตาของเขาเปล่งประกายรัศมีเทว ก่อนนี้เขาใช้วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพรองรับห้วงดาราแห่งหนึ่ง แต่มาในวันนี้ วิถีของเขา ควรจะเป็นห้วงดาราแห่งหนึ่งรองรับวัฏจักรชีวิต
ห้วงดาราก็คือตัวเขาเอง เก็บซ่อนวัฏจักรชีวิตไว้ในร่างกาย นั่นจึงจะเป็นวิถีของเขา
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็เข้าใจขึ้นมา สิ่งที่เทพแห่งวัฏจักรชีวิตพูดว่าเป็นโอกาสจากสำนักทองเหลืองโบราณและมันเกี่ยวข้องกับวิถีแห่งร่างเนื้อของเขา และจุดลมปราณร่างเนื้อที่สิบแปดของเขาก็ยังไม่สามารถเปิดมันได้เสียที บางทีมันอาจจะเกี่ยวกับโอกาสของสำนักทองเหลืองโบราณ
หลังจากที่ทุกอย่างชัดเจนแล้ว เขารู้สึกว่าการออกเดินทางในครั้งนี้ บางทีอาจจะสามารถเปิดจุดลมปราณร่างเนื้อที่สิบแปดได้
เมื่อมีการตัดสินใจอยู่ในใจแล้ว หลัวซิวก็ไม่ลังเลอีกต่อไป แม้ว่าความรู้สึกของวิกฤตที่แขวนอยู่เหนือขั้วหัวใจของเขาจะยังคงอยู่ แต่มันคือสิ่งที่เรียกว่าการร้องขอความมั่งคั่งในความเสี่ยง ความศรัทธาในโลกยุทธ์ของเขาจะไม่หวั่นไหวเพียงเพราะเหตุนี้ เพราะในใจของเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว โอกาสจากตำหนักวัฏจักรชีวิต มันเป็นของเขา!
ร่างของเขากลายเป็นสายรุ้งสายหนึ่ง ตามระยะห่างที่เข้าใกล้เหวญาณปีศาจขึ้นมาเรื่อย ๆ ลูกแก้วความเป็นตายภายในตัวหยั่งรู้ของเขากลับสงบนิ่งลงเสียอย่างนั้น แต่ในการรับรู้ของเขา กลับมีภาพมายาของสำนักทองเหลืองโบราณปรากฎขึ้นมาแล้ว
เขามองไม่เห็น แต่เขาสามารถรับรู้สึกได้ มันเหมือนกับสำนักทองเหลืองโบราณกำลังร้องเรียกเขา ต่างฝ่ายต่างสัมผัสได้ถึงกันและกัน
ไม่กี่วันต่อมา ในสายตาของหลัวซิวก็มีสำนักทองเหลืองโบราณปรากฏขึ้นแล้ว ตำหนักโบราณแห่งนี้กับภาพมายาที่เขาสัมผัสได้นั้นมันเหมือนกันทุกตาราง ออร่าความเก่าแก่กับวันเวลาแห่งความผันผวนที่ไม่รู้จบ
ความเก่าแก่ประเภทนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันยาวนานกว่าประวัติศาสตร์ของฟ้าดินผืนนี้แห่งโลกะอัมพรเทวเสียอีก
ว่ากันว่า เหวญาณปีศาจแต่เดิมไม่ได้ดำรงอยู่ภายในโลกะอัมพรเทว แต่เป็นซากปรักหักพังที่ตกลงมาเมื่อหลายสิบล้านปีก่อน
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือในวันนี้ สำนักทองเหลืองโบราณนั้นลอยออกมาจากภายในเหวญาณปีศาจ ห่างจากเหวปีศาจไม่ไกล ถูกปกคลุมไปด้วยพลังที่ลึกลับ
พลังที่ลึกลับนี้ครอบคลุมดินแดนหมื่นลี้ เมื่อเข้าไปด้านใน ผลการฝึกตนก็จะถูกกดให้มีสูงแค่เพียงแดนเทพมาร
หลัวซิวมองออกไปไกล ๆ มุมปากยกขึ้นเป็นมุมโค้งเล็กน้อย เขารู้สึกว่าพลังระงับผลการฝึกตนที่ตำหนักวัฏจักรชีวิตปลดปล่อยออกมานั้น ดูเหมือนว่าจะเตรียมมาเพื่อเขาโดยเฉพาะอย่างไรอย่างนั้น
ภายใต้สถานการณ์ที่เหล่าราชาเทพและมกุฎเทพต่างถูกควบคุมผลการฝึกตนไว้ ในเขตหมื่นลี้ของตำหนักวัฏจักรชีวิต เขาก็ไร้คู่ต่อสู้ เช่นนั้นโชคลาภและโอกาสทั้งหมดด้านใน ก็ไม่มีใครสามารถมาแย่งไปจากเขาได้!
นอกพื้นที่หมื่นลี้ที่ปกคลุมไปด้วยม่านแสง หลัวซิวมองเห็นทะเลมนุษย์ที่อัดกันอยู่อย่างแน่นหนา รวบรวมนักยุทธ์นับแสนของกองกำลังต่าง ๆ จากทั่วทั้งโลกะอัมพรเทว นักยุทธ์เหล่านี้ รวมตัวกันตามสำนักตระกูลที่แตกต่างกันไปของตนเอง กลายเป็นฐานทัพขนาดย่อม ๆ มากมาย
ณ ที่แห่งนี้ หลัวซิวมองเห็นหลี่ชางที่รับผิดชอบประทับตราให้ตนเองตรงแท่นวาร์ป เขาแฝงตัวยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มนักยุทธ์ ร่างกายของทุกคนปล่อยแสงสีม่วง ซึ่งรวมตัวกันเป็นปราณม่วงกลุ่มใหญ่
คนเหล่านี้ ต่างก็เป็นยอดฝีมือของสำนักเซียนปราณม่วง หนึ่งในนั้นมีผู้นำของพวกเขาซึ่งเป็นชายวัยกลางคน สวมชุดสีม่วง สวมมงกุฎม่วงไว้บนศีรษะ แต่งกายด้วยชุดสีม่วง สูงส่งอย่างยิ่ง รอบกายแผ่กระจายไปด้วยคลื่นผลการฝึกตนราชาเทพช่วงปลาย