ระหว่างนั้น หลัวซิวยังมองเห็นกองกำลังอื่น ๆ ด้วย เช่นภายในสำนักกระบี่ฟ้ามกุฎมีผู้อาวุโสท่านหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ เพียงแค่มองแวบเดียว เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังกดขี่อันน่าสะพรึงกลัว
“มกุฎเทพ! ……” หลัวซิวสูดหายใจเข้าลึก การมีอยู่ของระดับที่บรรลุถึงนี้ ห่างไกลจากสิ่งที่เขาจะสามารถไปกระตุกหนวดเสือได้ในตอนนี้
แม้แต่ตอนนี้ก็ไม่มีหน้ากากสีดำชิ้นนั้นของบรรพจารย์ไท่หยุนแล้ว เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งราชาเทพช่วงปลาย เขาก็ทำได้เพียงแค่ล่าถอยหลบหนีออกมาเท่านั้น
ในตอนนั้นเพื่อที่จะฆ่ามหาเทวะไร้เทียมทานรุ่นก่อนของเขามหาเทวะ หน้ากากสีดำชิ้นนั้นจึงระเบิดตัวเองและพังทลายไป พอมาคิดในตอนนี้ ทำให้หลัวซิวรู้สึกเสียดายอย่างสุดซึ้ง นั่นเทียบเท่ากับอัญมณีราชาแห่งศัสตราวุธชั้นสูงเชียว!
ตามที่หลัวซิวได้รู้มานั้น ภายในโลกะอัมพรเทว กองกำลังที่มีมกุฎเทพกุมบังเหียนนั้นมีไม่มาก เรียกว่าสามสำนักหกกองกำลัง
สามสำนักแบ่งเป็นสำนักกระบี่ฟ้ามกุฎสำนักกว่างหาน และสำนักไท่ฉือ
หกกองกำลังก็คือตระกูลจ้าว ตระกูลจู้ ตระกูลหวู่ ตระกูลบู ตระกูลฉี และตระกูลไป่
ท่ามกลางพวกเขา กองกำลังของตระกูลจ้าวนั้นใหญ่ที่สุด มีข่าวลือว่าจ้าวมหาเทพท่านนั้นที่เปิดโลกะอัมพรเทว ก็คือบรรพบุรุษต้นตระกูลของตระกูลจ้าว
หลัวซิวมองเห็นลูกแก้วระยิบระยับที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ภายในลูกแก้วเต็มไปด้วยท้องฟ้าและผืนดิน ภูเขาและลำธาร ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ แม่น้ำทะเลสาบและมหาสมุทร มีทุกอย่างที่ควรมี
สิ่งนี้คือลูกแก้วแห่งทวยเทพ เป็นสิ่งล้ำค่าของตระกูลจ้าว มีทั้งหมด 28 ลูก ภายในลูกแก้วแห่งทวยเทพทุกลูก ต่างก็มีท้องฟ้าและผืนดินแห่งหนึ่ง เรียกว่า 28 ลูกแก้วแห่งทวยเทพ
ในวันนี้ลูกแก้วแห่งทวยเทพถูกนำออกมาใช้แล้วหนึ่งลูก ก็สามารถเห็นได้ว่าตระกูลจ้าวให้ความสำคัญกับสำนักทองเหลืองโบราณมากเพียงใด
เมื่อสายตาของหลัวซิวจ้องมองไปยังภายในของลูกแก้วแห่งทวยเทพที่เต็มไปด้วยท้องฟ้าและผืนดินนั้น ก็เห็นว่าด้านในมีนักยุทธ์สิบกว่าคนนั่งขัดสมาธิอยู่ ออร่าลึกล้ำไม่อาจคาดเดา
ท่ามกลางพวกเขาชายคนหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนว่ายังเยาว์วัยอยู่ ก็พลันเหมือนว่าจะรับรู้ถึงสายตาของหลัวซิวที่จ้องมองไป ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ด้วยความหยิ่งผยองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในสายตาของเขา หันมามองทางหลัวซิวแวบหนึ่ง จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา เต็มไปด้วยความดูหมิ่นเหยียดหยาม
สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นการถอนหายใจทั่วไป แต่กลับมีแฝงไปด้วยออร่าโจมตีวิญญาณ ทำให้ตัวหยั่งรู้ของหลัวซิวสั่นไหวเล็กน้อย หากเปลี่ยนเป็นนักยุทธ์ธรรมดาทั่วไป เพียงแค่ถูกบดขยี้ตัวหยั่งรู้ ก็ถึงแก่ชีวิตได้ในทันที
พียงเพราะเหลือบไปเห็นอีกฝ่ายครั้งเดียว ก็เผยรังสีสังหารระดับนี้ออกมา ทำให้หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางคิดในใจว่าตระกูลจ้าวช่างโหดร้ายเสียจริง
เมื่อเห็นว่าหลัวซิวยังสบายดี เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวผู้นั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ดึงสายตากลับมา ไม่ได้สนใจอีกต่อไป
ในฐานะศิษย์ตระกูลจ้าว เขาหยิ่งผยองถึงขีดสุด จ้องมองมาที่เขาโดยที่เขายังไม่ได้อนุญาต ต่ำกว่าแดนราชาเทพ เพียงแค่เขาถอนหายใจก็ตายได้ แต่คนผู้นี้ไม่ตาย เห็นได้ว่าเป็นแดนราชาเทพขึ้นไป เช่นนั้นก็มีคุณสมบัติที่จะมองเขาได้
“ราชาเทพวัยเยาว์”
หลัวซิวก็ดึงสายตากลับมาเช่นกัน ไม่อยากจะทำเรื่องให้เกิดการขัดแย้งกับคนของตระกูลจ้าวในเวลาเช่นนี้
วัยเยาว์ที่ออกมาจากปากของเขาแตกต่างจากคนอื่น ๆ ผลการฝึกตนแดนเทพมารขึ้นไป อายุไม่กี่พันปี ไม่กี่หมื่นปีก็ยังถือว่าเยาว์วัย แต่สำหรับหลัวซิวแล้วนั้น คำว่าเยาว์วัยที่เขาหมายถึง นั้นคือมีอายุไม่แตกต่างไปจากตนเองเท่าไรนัก
อายุไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่เขากลับมีสัญชาตญาณหนึ่งที่บอกว่า เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวที่เขาเพิ่งเห็นนั้นอายุไม่เกินร้อยปีแน่นอน
ราชาเทพที่อายุไม่ถึงร้อยปี พรสวรรค์การฝึกยุทธ์เขาเรียกได้ว่าน่าสะพรึงอย่างยิ่ง!
หลัวซิวไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะถึงอย่างไรที่โลกะอัมพรเทวแห่งนี้ กฎฟ้าดินค่อนข้างสมบูรณ์แบบ สภาพแวดล้อมในการฝึกตนก็ยอดเยี่ยม อัตราการกำเนิดอัจฉริยะก็ย่อมมีมาก
เช่นที่โลกแสงดาวอัจฉริยะไร้เทียมทานที่สามารถฝึกตนเป็นเทพมารได้ภายในร้อยปี หากจับมาอยู่ในโลกะอัมพรเทวก็ไม่ได้ถือว่าโดดเด่นแต่อย่างใดเลย
แม้แต่ภายในโลกะอัมพรเทว ฝึกตนที่บรรลุถึงระดับเทพฟ้าภายในร้อยปี จึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะ ฝึกตนถึงราชาเทพคืออัจฉริยะชั้นยอด แต่ละคนต่างเป็นอัจฉริยะที่น่าอัศจรรย์
“ด้วยคุณสมบัติของข้า แม้แต่อัจฉริยะก็ยังไม่สามารถเรียกได้เลย” หลัวซิวมุ่ยปาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร ผลการฝึกตนของเขาถึงแม้จะไม่สูง แต่ก็ใช่ว่ามันเป็นเพราะเขาฝึกตนล่าช้า แต่เป็นเพราะการบรรลุผลการฝึกตนของตนนั้นยากลำบากกว่าคนทั่วไปอย่างมาก