GGS:บทที่ 1158 ตายด้วยกัน
ทันทีที่ฮัวเหยาปรากฎและลัดพันคนทั้งห้าเอาไว้ ซูจิ้งได้บีบวงของแสงลำระล้างลงอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน เงาร่างของมังกรไฟตัวใหญ่ยักษ์ก็ได้ปรากฎอยู่ตรงหน้าของซูจิ้ง และทำการพุ่งผ่านร่างทั้งห้าในทันที พร้อมทั้งในตอนนี้เงาร่างมังกรสีทองอร่ามที่อยู่ข้างหลังของก็ได้ปรากฎแล้วทำการเหยียบร่างทั้งห้าในทันที
ร่างกายทั้งห้าได้ปริแตกออกมา พวกมันจ้องมองซูจิ้งด้วยความโกรธเกรี้ยว ดูเหมือนว่าทั้งมังกรทองและมังกรที่สถิตย์ในร่างของซูจิ้งนั้น ทั้งคู่จะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งสวรรค์และโลก และนี่ส่งผลกระทบต่อทั้งห้าคนนี้อย่างมาก
โดยเฉพาะในช่วงก่อนที่จะมาที่โตเกียวนี้ ซูจิ้งได้บรรลุตำราวิถีมังกรทั้งหมด ส่งผลให้ทั้งจิตวิญญาณและพลังภายในของเขานั้นมีกลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์อยู่
คราวนี้ซูจิ้งได้ทำการผนวกรวมวิญญาณมังกรสถิตย์ร่างและตราประทับมังกรของเขาเข้าด้วยกัน แล้วทำการกระหน่ำโจมตีไปที่ห้าร่างอย่างบ้าคลั่งราวกับอสูรที่โกรธเกรี้ยว
“ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม……”
ในตอนนี้ดูเหมือนร่างเงาดำนั้นจะไม่สามารถหยุดยั้งซูจิ้งได้แต่อย่างใด ร่างทั้งห้าซึ่งมีซงจุนฮ่าวและโอฉิงซงรวมอยู่ด้วยได้เริ่มแหลกเลอะไม่เหลือชิ้นดี และในตอนนี้ ได้มีเงาดำห้าสายได้รวมตัวกลายเป็นและก่อร่างขึ้นมาเป็นร่างเงาดำในที่สุด และในตอนนี้ ร่างเงาดำเองก็ได้เกิดไอควันเกิดทั่วทั้งร่างกายอย่างช้าๆ
ในวันนั้นที่หมู่บ้านตระกูลซู ร่างเงาดำได้ทำการซ่อนตัวในร่างของซูคันหนันอย่างดี แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับลำแสงชำระล้าง ร่างเงาดำกลับต้องวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต นี่แสดงให้เห็นว่าหากมันนั้นเลือกที่จะควบคุมร่างกายนี้โดยตรงย่อมไม่อาจรอดพ้นจากลำแสงชำระล้างนี้ได้
แต่ในตอนนี้ ร่างเงาดำเลือกที่จะแบ่งวิญญาณของตัวเองแฝงเข้าไปอยู่ในวิญญาณของมนุษย์อย่างซงจุนฮ่าว โอฉิงซง และคนอื่นๆ เพื่อจะหลบเลี่ยงจากลำแสงชำระล้าง
แต่ด้วยการที่แบ่งวิญญาณเป็นส่วนแบบนี้แน่นอนว่าต้องมีผลกระทบอย่างแน่นอน เมื่อเสียร่างที่มันนั้นสถิตย์ไป ตัวมันสมควรจะต้องใช้เวลาเพื่อหลอมรวมกันได้อีกครั้ง และในครั้งนี้ ร่างเงาดำจะไม่มีที่หลบอีกต่อไปแล้ว
ในตอนนี้ร่างเงาดำที่หลอมรวมเสร็จแล้วได้ทำการกรีดร้องด้วยความโกรธและเจ็บปวด ความจริงนั้นหากเป็นสถานการณ์ปกติแล้ว มันนั้นสามารถหนีจากซูจิ้งได้ในทันทีที่ออกจากร่างเศษสวะพวกนี้ได้เลยด้วยซ้ำ และไม่มีทางเลยที่ซูจิ้งจะตามจับมันได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อมันออกมาแล้วต้องพบกับลำแสงชำระล้างที่เข้มข้นขนาดนี้ มันรู้ดีว่าหากในครั้งนี้ตัวมันไม่สามารถกำจัดซูจิ้งได้ล่ะก็ อีกไม่นาน มันจะไม่มีที่ให้ซ่อนและหลบหนีอีกต่อไป มันจึงเลือกที่จะไม่ถอยหนีอีกแล้ว
“มนุษย์…. ฉันจะสู้เป็นตายกับแก… เขตแดนแห่งผู้ไม่ตายยยยย”
ภายใต้แสงชำระล้างอันเข้มข้นนั้น ร่างเงาดำได้พูดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว หลังจากนั้นก็ได้มีไอสีดำพวยพุ่งออกมา ผู้คนนับไม่ถ้วนได้ตกตายกลายเป็นศพในทันที
ในขณะเดียวกัน ในตอนนี้ไอปีศาจนับไม่ถ้วนได้มาหมุนวนอยู่รอบตัวซูจิ้งราวกับนรก ราวกับว่าโลกมนุษย์นี้คือเขตแดนของร่างเงาดำไปเรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ว่าภายใต้แสงชำระล้างนี้วิญญาณปีศาจร้ายต่างๆจะทำได้เพียงกรีดร้องและทำอะไรซูจิ้งไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยการจำนวนของพวกมันมากมายราวกับนรกขนาดย่อม นี่ทำให้ความสามารถในการชำล้างค่อยลดถอยลงไปอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าต่อให้เป็เหรียญตราเทวฑูต ก็ไม่อาจชำระล้างนรกไปได้ในคราวเดียว
ซูจิ้งที่เห็นสถานการณ์ก็ได้รีบให้ฮัวเหยาเข้าไปอยู่ในกระเป๋ากักอสูรในทันที ร่างวิญญาณเหล่านี้ขนาดมังกรสถิตร่างของซูจิ้งยังทำอะไรไม่ได้ แน่นอนว่าฮัวเหยาย่อมไม่สามารถด้วยเช่นกัน หากอยู่นานจะบาดเจ็บไปเสียเปล่าๆ
ซูจิ้งในตอนนี้ยังคงเร่งใช้ตราประทับมังกร และมังกรสถิตย์ร่างออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยการที่วิญญาณและปีศาจร้ายที่ล้อมรอบนั้นมากเกินไป
จนในที่สุดลำแสงชำระล้างก็ได้แตกออกราวกับลูกโป่งที่โดนเข็มทิ่มแทงในทันทีที่ร่างเงาดำพุ่งเข้าใส่ซูจิ้ง ในตอนนี้มันได้คว้าจับไปยังลำคอของซูจิ้งในทันที พร้อมทั้งกับอีกมือหนึ่งได้คว้าจับไปยังเหรียญตราเทวฑูต
ในตอนนี้ทั่วทั้งร่างของซูจิ้งได้อาบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ พร้อมทั้งใช้มือสองข้างที่เปี่ยมไปด้วยพลังของมังกรสถิตย์ร่างจับแขนของร่างเงาดำเอาไว้ ในขณะที่ใช้วิญญาณมังกรและตราประทับมังกรคอยต่อกรกลับวิญญาณร้ายและปีศาจที่ล้อมรอบเข้ามา
ในตอนนี้ซูจิ้งรู้สึกหมดสิ้นหนทางอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายของเขานั้นมีเหงื่อชโลมกายไปทั่วพร้อมสีหน้าที่ซีดเซียว บ่งบอกได้ว่าเขานั้นน่าจะยื้อไว้ไม่ได้นานอีกต่อไป
ขณะเดียวกัน ร่างเงาดำเองก็เริ่มจะฝืนยื้อไม่ไหวแล้วเหมือนกัน การเปิดเขตแดนของผู้ไม่ตายนี้สูบพลังงานของมันอย่างบ้าคลั่ง
อีกทั้งมันยังต้องเผชิญหน้ากับลำแสงชำระล้างและการโจมตีของซูจิ้งอย่างต่อเนื่องจนทำให้ร่างกายของมันเองก็เกิดไปกลุ่มควันไหลออกมาอย่างไม่หยุด เรียกได้ว่าบาดเจ็บหนักไม่ต่างกัน สถานการณ์ของมันก็ไม่ได้ดีไปกว่าซูจิ้งเลยสักนิด
มันรู้ดีว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปนั้นหากไม่เสมอแล้วไปตั้งต้นใหม่ทั้งคู่ก็ต้องตกตายไปพร้อมกัน
“ยอมแพ้ซะ ไอ้มนุษย์ แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก” ร่างเงาดำเริ่มหลอกล่อ
“แกต่างหากที่ต้องยอมแพ้ไอ้นรก” ซูจิ้งสบถออกมา
ในตอนนี้ร่างเงาดำได้สั่นไหวไปมาอยู่พักใหญ่ก่อนที่มันจะหยุดพร้อมรอยยิ้มอันขมขื่น มันพยายามจะอดทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับและได้พูดออกมาด้วยเสียงที่นุ่มลึกว่า “แกก็เป็นคนฉลาดนี่นา แกไม่เห็นหรือว่าหากพวกเรายังทำแบบนี้ต่อไปก็คงต้องตกตายไปตามกัน
ตอนนี้ฉันยอมรับแล้วว่าแกนั้นทรงพลังอย่างมาก จะดีกว่าไหมหากเราแบ่งเขตแดนกันปกครอง หากแกยอมล่ะก็ ฉันยินดีที่จะปกครองพื้นที่ส่วนใต้ของโลกใบนี้ ส่วนแกก็ปกครองดินแดนส่วนบนไป เห็นไหม เพียงแค่นี้พวกเราก็แบ่งสันน้ำในบ่อไม่ต้องไปตักน้ำในแม่น้ำแล้ว”
“ฝันไปเถอะ ต่อให้ฉันตายก็ไม่ยอมปล่อยยแกอย่างแน่นอน” ซูจิ้งสบถออกมาด้วยท่าทีที่จะไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย ไม่เกี่ยวกับว่าเขานั้นจะเชื่อไปผีร้ายนี่หรือไม่ แต่มันเป็นเรื่องที่ว่าเขานั้นไม่ยินดีให้ปีศาจนี่มามีตัวตนอยู่ในโลกนี้
ในตอนนี้จากมุมของเขาแล้วเป็นเรื่องที่ว่าใครถอยก่อนคนนั้นจึงพ่ายแพ้ และหากเขาในตอนนี้ยอมผ่อนปรนกับผีร้ายตนนี้เพียงเล็กน้อย อีกไม่นานจะเป็นเขาเองที่ตกตายแล้วหลังจากนั้นโลกนี้คงถึงจุดจบ
ต่อให้ร่างเงาดำนี้พูดความจริงแต่ก็ไม่มีทางเลยที่เขาจะยินยอม
“ถ้าแกไม่รู้อะไรดีอะไรชั่วแบบนี้ก็รีบตายซะเถอะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ร่างเงาดำได้หัวเราออกมาด้วยเสียงเย็นยะเยือก พร้อมกับทำการบีบวงของเขตแดนให้กระชับเข้ามายิ่งขึ้น
ซูจิ้งในตอนนี้เริ่มยอมรับชะตาตัวเองแต่ก็ไม่ยอมแพ้แต่อย่างใด ภายใต้การโจมตีที่ไม่หยุดยั้งจากเขตแดนนี้ต้องขอบคุณเหรียญตราเทวฑูตที่ช่วยให้เขาสามารถต่อต้านเขตแดนได้อยู่
ต้องขอบคุณวิถีแห่งใต้หล้าที่ทำให้เขานั้นยังมีจิตที่สมบูรณ์แข็งแกร่งไม่สติแตกไปก่อน
ต้องขอบคุณวิถีแห่งมังกรที่ช่วยเสร้มสร้างร่างกายและจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
ต้องขอบคุณหัวใจพระสูทรูปพระพุทธที่ช่วยเขายังคงควบคุมลมหายใจให้ปกติและต่อสู้ได้อย่างยาวนาน
ต้องขอบคุณวิญญาณมังกรสถิตย์ร่างที่คอยส่งเสริมร่างกายของเขา
แน่นอนว่าซูจิ้งนั้นในตอนนี้รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพบเจอจนทำให้รับมือกับสถานการณ์ในตอนนี้ไหว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เก่งกาจชั่วข้ามคืนแต่เป็นการค่อยๆเสริมแกร่งเขาก็ยังถือว่าดีอยู่ดี
ในตอนนี้เอง ซูจิ้งได้ปลดปล่อยความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมดที่มีโดยไม่คิดจะเก็บซ่อนเอาไว้อีกต่อไป สิ่งที่เขาหวังได้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือหวังว่าไอ้ร่างเงาดำนี่คงไม่เก็บซ่อนเอาไว้แบบเขาเหมือนกัน
อย่งไรก็ตาม มาถึงตอนนี้ทั้งพลังใจ ร่างกาย และวิญญาณของซูจิ้งนั้นเรียกได้ว่าเริ่มเหือดแห่งแล้ว สติของเขาเองแม้จะคงอยู่แต่ก็เริ่มที่จะเรือนราง เช่นเดียวกับการมองเห็นของเขาที่เริ่มเบลอไปแล้วราวกับว่าร่างเงาดำนี้ได้หายไปแล้ว แต่นั่นเป็นไปได้เลยเพราะเขานั้นยังได้ยินเสียงหัวเราเยาะอย่างสะใจของร่างเงาดำอยู่ดี
ในตอนที่ซูจิ้งกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นนี้เอง เขานั้นยังฝืนดื้อดึงเอาไว้ไม่ให้หมดสติไปเพราะรู้ดีว่าหากเขาหลับไปตอนนี้ทถกอย่างต้องจบสิ้นเป็นแน่
หากเป็นอย่างนั้นล่ะก็ ทั้งครอบครัว เพื่อนพ้อง และฉือชิง และคนทั้งโลกจะต้องจบสิ้น
ในตอนนี้ ซูจิ้งกำลังใช้สติที่เหลืออยู่พยายามนึกหาวิธีต่างๆเพื่อให้ได้สติกลับคืนมานั้น วิถีแห่งใต้หล้าที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ในจิตสำนึกของซูจิ้งก็ได้บรรลุไปอีกขั้นหนึ่ง
ในตอนนี้เองซูจิ้งราวกับฟื้นคืนสติอย่างสมบูรณ์ วิญญาณร้ายมากมายหลากหลายที่อยู่โยรอบ แม้แต่ร่างเงาดำเอง ในตอนนี้ สำหรับซูจิ้งแล้วช่างเคลื่อนไหวไปมาอย่างช้าเชื่องและน่ารังเกียจ
เขาไม่ได้มีความรู้สึกถึงภัยคุกคามหรือเสียงรบกวนจากทุกสิ่งอย่างรอบตัวแม้แต่น้อย ราวกับว่าตัวเขาในตอนนี้นั้นอยู่ในอีกมิติที่เงียบงันก็ว่าได้
ในตอนนี้เอง ขนของไซอิ๋วที่คอยปักอยู่บนหลังหัวของเขาก็ได้ส่องสว่าง พวกมันค่อยๆส่องสว่างอย่างแรงกล้าราวกับพวกมันนั้นไม่เคยสว่างได้เท่านี้มาก่อน
และทันใดนั้นขนทั้งสามก็ได้หายไป ตอนนั้นเอง ซูจิ้งก็ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนไปแล้ว ในตอนนี้เขานั้นมีสามเศียร หกมือ หรือก็คือสามหน้าหกแขนก็ว่าได้