ชี่รบทั้งสี่ชนิด มีประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน แต่ไม่มีข้อยกเว้น อย่างไรเสียก็เป็นฤทธิ์อมตะระดับมกุฎ หากสามารถฝึกฝนได้สำเร็จ พลังการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว
จ้าวตงหลิวเพิ่งจะฝึกฝนไปเพียงมังกรเขียวชนิดเดียวเท่านั้น ด้วยพรสวรรค์ของเขาอยู่ในแดนราชาเทพก็สามารถฝึกฝนฤทธิ์อมตะระดับมกุฎชนิดหนึ่งสำเร็จก็นับว่าสุดยอดมากแล้ว ถึงตอนนี้ยังไม่ได้สัมผัสกับฤทธิ์อมตะชี่รบอีกสามชนิดที่เหลือ
“พลังอมตะชนิดนี้นับว่าไม่เลว ผสานเข้าสู่หมื่นจักรวาลไร้รูป ทำให้พลังอมตะของข้าสมบูรณ์แบบยิงขึ้น”
หลัวซิวเก็บม้วนหยกกลับไปอย่างไม่เกรงใจ ส่วนจ้าวตงหลิวนั้นได้ถูกเขาผนึกผลการฝึกตนเอาไว้ โยนทิ้งเข้าไปในสำนักเต๋าเสวียนเทียนแล้วผนึกเอาไว้
เขาจะไม่สังหารคนผู้นี้ เพราะเขาไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถต้านทานพลังอมตะที่อยู่ในตัวหยั่งรู้ของเขาได้ แต่เขาก็จะไม่ปล่อยคนผู้นี้ไป ไม่เช่นนั้นจะต้องมีเรื่องราวตามมาอย่างแน่นอน
“ในตำหนักวัฏสงสาร ยังมีโชคลาภและโอกาสอย่างอื่นอยู่อีกหรือไม่?”
ความบริบูรณ์ของจุดปราณร่างเนื้อที่สิบแปด ทำให้พลังการต่อสู้ของหลัวซิวบรรลุถึงสภาพสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้เขายังได้รับเคล็ดวิชาในการฝึกฝนสิบแปดจุดลมปราณของแขนขวามาแล้วด้วย การมาที่ตำหนักวัฏสงสารในครั้งนี้พูดได้ว่าได้รับอะไรมามากทีเดียว
เงาร่างของเขาหาไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็ได้ค้นพบห้องที่มีค่ายกลต้องห้ามอยู่
ยังคงอาศัยกลิ่นอายของลูกแก้วความเป็นตายเหมือนเดิม ในตอนที่หลัวซิวเดินเข้าไป ม่านแสงค่ายกลต้องห้ามก็จะเปิดออก กลายเป็นประตูแห่งหนึ่ง ประตูห้องก็จะเปิดออกเอง ราวกับกำลังต้อนรับเจ้าของตำหนักวัฏสงสารอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากที่หลัวซิวได้เดินเข้าไป ก็สัมผัสได้ถึงมวลความร้อนกลุ่มหนึ่ง ที่ตรงกลางของห้องมีสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมมนยาวประมาณหนึ่งจั้งอยู่แห่งหนึ่ง มีเปลวเพลิงสีเทาลุกโชนอยู่ในสระ สามารถสัมผัสได้ถึงกฎความเป็นตายที่อยู่ภายในได้
เมื่อกฎชีวิตและกฎความตายรวมเข้าด้วยกันได้กลายเป็นเปลวเพลิงสีเทา แฝงไว้ด้วยวิถีแห่งธรรมชาติ!
และสิ่งที่ทำให้หลัวซิวดวงตาร้อนแรงขึ้นมานั้น คือเขาได้มองเห็นเตากลั่นยาอันหนึ่ง ลอยอยู่เหนือสระเปลวเพลิง!
นี่คือเตากลั่นยาที่มีทรงกลมอันหนึ่ง ดูแล้วแสนจะธรรมดา มีสองหู ขาสามข้าง บนพื้นผิวของเตาวาดสลักเอาไว้ด้วยรูปสัตว์ที่แปลกประหลาดมากมาย ดูมีชีวิตชีวา
ในฐานะที่เป็นนักกลั่นยาคนหนึ่ง หลัวซิวมีสัญชาตญาณบางอย่างต่อเตากลั่นยา นอกจากนี้แล้วจากความลึกลับมิอาจคาดเดาของตำหนักวัฏสงสาร เตากลั่นยาที่สามารถถูกนำมาวางไว้ที่นี่ได้ จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
เขาก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า แต่กลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังมหาศาลที่แผ่ซ่านออกมาจากเปลวเพลิงสีเทาที่อยู่ในสระน้ำ เป็นเหมือนดั่งกำแพงอากาศ ทำให้เขายากที่จะเดินต่อไปข้างหน้า
หลัวซิวเดินไปข้างหน้าได้เพียงสิบกว่าก้าวก็ไม่อาจก้าวเดินไปได้อีก เขารู้สึกได้แม้กระทั่งว่า หากเดินไปข้างหน้าอีก ร่างกายของตนก็จะถูกแผดเผากลายเป็นเถ้าถ่าน
“เปลวเพลิงที่น่าหวาดกลัว!”
“หลัวซิวไม่อยากตัดใจ ได้ใช้ลูกแก้วความเป็นตายสัมผัสรู้อีกครั้ง กลับไม่ได้ผลใด ๆ เลย เหมือนว่าลูกแก้วความเป็นตายสามารถนำเขาเข้ามาที่นี่ได้เท่านั้น สำหรับจะได้รับความโชคดีและโอกาสในที่นี่หรือไม่ ก็ต้องดูที่ความสามารถของเขาเอง
ทดลองใช้วิธีต่าง ๆ นานา กลับไม่เป็นผลใด ๆ เลย หลัวซิวได้แต่ส่ายศีรษะทอดถอนใจ แล้วหันหลังเดินจากไป
ผ่านไปอีกสองวัน เขาได้คนพบห้องที่สามที่ถูกค่ายต้องห้ามลงขวางเอาไว้ในตำหนักวัฏสงสาร ภายในห้องแห่งนี้ เขาได้มองเห็นเจดีย์แห่งหนึ่ง
ไม่เหมือนกับเจดีย์เก้าชั้นโดยทั่วไป เจดีย์แห่งนี้มีทั้งหมดสิบชั้น แสดงให้เห็นถึงความอยู่เหนือขีดจำกัดเก้าชั้น บ่งบอกถึงความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
เหมือนกันกับเตากลั่นยาที่ได้พบเมื่อก่อนหน้านี้ หลัวซิวสัมผัสได้ถึงร่องรอยของวันเวลาอันยาวนาน จะต้องเป็นของวิเศษที่ไม่ธรรมดาชิ้นหนึ่งอย่างแน่นอน
ในตอนที่เขากำลังจะสำรวจดูความลับของเจดีย์แห่งนี้นั่นเอง จู่ ๆ เสียงร้องคำรามก็ได้ดังก้องขึ้นมา ทั่วทั้งสำนักทองเหลืองโบราณได้สั่นสะเทือนไปตาม ๆ กัน
ที่ด้านนอกของตำหนักวัฏสงสาร รอยแยกขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้า ช่องว่างที่ถูกฉีกเปิดออกนั้นปรากฏบริเวณสีดำสนิทขึ้นมา สามารถมองเห็นห้วงดาราไร้ที่สิ้นสุด