“พลังอมตะระดับมกุฎ?”
หลัวซิวรี่ตาลง หลังจากที่เขามาถึงยังโลกะอัมพรเทวนี่เป็นพลังอมตะระดับมกุฎชนิดที่สองที่เขาได้พบ
ปราณรบพลังอมตะมีไว้เพื่อเสริมทัพให้กับตนและนักยุทธ์ เพื่อที่จะได้รับพลังการโจมตีมราแข็งแกร่งมากขึ้น ส่วนโกรธาเพลิงนภาของตระกูลจู้นั้น กลับเป็นพลังอมตะสำหรับเป็นตัวช่วยชนิดหนึ่ง หลังจากโคจร จะสามารถทำให้ผลการฝึกตนของตนเองเพิ่มขึ้นได้ในพริบตา
อย่างเช่นชายหนุ่มชุดแดงผู้นี้ เดิมทีมีผลการฝึกตนระดับราชาเทพขั้นเจ็ด ในเวลานี้ก็พุ่งขึ้นเป็นราชาเทพขั้นเก้าเพียงชั่วพริบตา
เดิมทีเขาอยู่ในแดนราชาเทพขั้นเจ็ดก็สามารถเทียบเท่าขั้นเก้าได้ ในวันนี้บรรลุถึงขั้นเก้า ก็สามารถต่อสู้กับกึ่งมกุฎเทพได้แล้ว
เพลิงอัคคีสีทองที่อยู่บนร่างของเขา มันไม่ใช่เพลิงอัคคีดั้งเดิมขั้นที่สี่แล้ว แต่เป็นเพลิงอัคคีดั้งเดิมขั้นที่ห้า!
“ตายไปเสีย!”
ชายหนุ่มชุดแดงยกมือขึ้นโบก อัคคีเทพปะทุขึ้นแผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้า แผดเผาฟ้าดิน แม้แต่อนัตตาก็ยังถูกแผดเผาจนละลาย
ซวบ!
ร่างของหลัวซิวหายไปในทันที พุ่งเข้าไปภายในอัคคีเทพที่แผ่ขยายไปทั่วฟ้าโดยตรง จากนั้นก็ปรากฏตัวจรงหน้าชายหนุ่มชุดแดง ปล่อยหมัดออกไป
“เจ้า……” ชายหนุ่มชุดแดงหน้าถอดสี เขาคาดไม่ถึงว่าร่างเนื้อของอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งมากเสียจนไม่เกรงกลัวเพลิงอัคคีดั้งเดิมขั้นที่ห้า
เหวิง!
ภายในร่างของชายหนุ่มชุดแดงแสงเทวะเปล่งประกาย เพียงพริบตาก็มีอาวุธสมบัติสิบกว่าชิ้นบินออกมา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหมัดของหลัวซิว หากไม่ถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป ก็ต้องแหลกสลายในทันที
วินาทีสำคัญ โล่ชิ้นหนึ่งได้ป้องกันหมัดนี้ของหลัวซิวเอาไว้ แต่ชายหนุ่มชุดแดงก็ยังคงกระอักเลือกออกมาอึกใหญ่ ร่างของเขากระเด็นลอยออกไป โล่ถูกหมัดของหลัวซิวโจมตีโดยตรง จากนั้นก็กระแทกเข้าไปที่หน้าผากของเขา เลือดสด ๆ ไหลเป็นทาง น่าสยดสยองมาก
“ชุดนักยุทธ์อัคคีเทพ!”
ร่างของชายหนุ่มชุดแดงสั่นประกายแสงเทวะ เพลิงอัคคีชุดนักยุทธ์สีทองปรากฏขึ้น ปกป้องทั้งร่างกายของเขาอย่างแน่นหนา สัญลักษณ์จำนวนนับไม่ถ้วนสั่นกระพริบ มีวิถีแห่งเต๋าอยู่ในนั้นด้วย
“ชุดนักยุทธ์ระดับมกุฎเทพ?”
หลัวซิวรี่ตาลง จากชุดนักยุทธ์ชุดนี้ เขาสัมผัสได้ถึงการหมุนเวียนของออร่ากฎเพลิงอัคคีดั้งเดิมขั้นที่หก
กฎขั้นหก เป็นตัวแทนของแดนมกุฎเทพ ดูเหมือนจะแตกต่างกับขั้นสี่เพียงแค่สองแดน แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว
“ดูแล้ว เจ้าคงจะเป็นบุคคลหนึ่งที่มีความสำคัญมากต่อตระกูลจู้ แดนราชาเทพก็ได้รับชุดนักยุทธ์มกุฎเทพแล้ว”
หลัวซิวค่อย ๆ ยกมือขึ้น หอกยุทธ์มังกรดำที่ปักอยู่ภายในดินโคลนด้านล่างนั้นก็พลันเคลื่อนตัวขึ้นมา กลายเป็นมังกรดำ ตกลงบนมือของเขา
ผ่านการชุบร่างของทัณฑ์สายฟ้า หอกยุทธ์มังกรดำในตอนนี้ก็จัดอยู่ในประเภทราชาแห่งศัสตราวุธสูงสุด เพราะกฎที่มีอยู่ภายในตัวนั้นเป็นเพียงแค่ขั้นที่สี่ ดังนั้นจึงยังไม่สามารถนำมาเทียบกับชุดนักยุทธ์มกุฎเทพได้
แต่หอกยุทธ์มังกรดำก็ยังมีข้อดีอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือเป็นนักยุทธ์ที่เกิดจากบ่มเพาะฟ้ากำหนด ดังนั้นจึงจะไม่ได้รับความเสียหายอย่างง่ายดาย
“เหวิง!”
มือกำหอกยุทธ์มังกรดำ หลัวซิวสามเท้าก้าวใหญ่ตรงไปด้านหน้า ผสานกับร่างเนื้ออันแข็งแกร่งและพลังเวทย์ที่พุ่งทะลุฟ้า พลังรบทั้งหมดถูกเปิดออก!
กี๊ซ!
เสียงคำรามของมังกรดังขึ้น มังกรเขียวตัวหนึ่งผสานรวมเข้ากับหอกยุทธ์ แสงหอกราวกับมังกร สะเทือนฟ้าดิน
“ปราณรบมังกรเขียว!? เจ้าคือคนตระกูลจ้าวรึ?”
จู้หงเทียนมีหน้าเปลี่ยนไป ปราณรบมังกรเขียวคือการสืบทอดหลักของตระกูลจ้าว เขาไม่มีทางเข้าใจผิดอย่างแน่นอน
เพียงแต่หลัวซิวไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใด โหมกระหน่ำโจมตีเหมือนลมพายุ ภายใต้การแปรของหมื่นจักรวาลไร้รูป วิชาอาถรรพณ์พลังอมตะต่าง ๆ โผล่ออกมาอย่างไม่สิ้นสุด
ต่อให้มีพลังชุดนักยุทธ์มกุฎเทพเคยช่วย จู้หงเทียนก็ยังคงก้าวถอยอย่างต่อเนื่อง เลือดไหลออกจากปากของเขาตบอดเวลา
“ตรึง!”
ปริภูมิคุมขัง หยุดเวลา พลังอมตะทั้งสองชนิดโคจร ร่างของจู้หงเทียนหยุดชะงักไปในทันที หลังจากนั้นชุดนักยุทธ์มกุฎเทพก็เปล่งแสงสว่างออกมา หลุดพ้นจากพันธนาการ
แต่ในขณะที่เขาหยุดนิ่งอยู่นั้น หลัวซิวก็พุ่งตรงเข้ามาแล้ว การโจมตีเพียงนัดเดียวกวาดล้างได้ทั้งกองทัพ ทำให้เขาถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป
การโจมตีนี้ ดูเหมือนจะไม่สามารถทำลายชุดนักยุทธ์มกุฎเทพได้ แต่การชนกันระหว่างพลังอำนาจและความแข็งแกร่ง ก็ทำให้จู้หงเทียนกระอักเลือดออกมาไม่รู้เท่าใดแล้ว