“พี่จื่อเยียน……”
เป็นสามพยางค์ที่คุ้นเคยมาก แต่กลับทำให้นางรู้สึกห่างเหินมาก ๆ
เสี้ยววินาทีที่นางลืมตาขึ้นมา สิ่งที่มองเห็นไม่ใช่ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยนั่นอีกต่อไป แต่เป็นโฉมหน้าที่คุ้นเคยของหลัวซิว
“หลัวซิว? ใช่เจ้าจริง ๆ หรือ?”ช่าจื่อเยียนรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย ยิ่งกว่านั้นคือนางคิดว่าตัวเองเกิดภาพลวงตาซะอีก
“ข้าเอง”หลัวซิวผงกหัว “พี่จื่อเยียน เหตุใดท่านถึงถูกนำไปประมูลในโลกะดาราคุนหลุนล่ะ? มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นที่ฝั่งโลกเสวียนเทียนใช่หรือไม่?”
อารมณ์ความรู้สึกของช่าจื่อเยียนแปรปรวนอย่างมาก นางนึกยังไงก็นึกไม่ถึงว่าโชคชะตาจะมหัศจรรย์เช่นนี้ ในขณะที่นางรู้สึกสิ้นหวังนั้น กลับได้มองเห็นแสงสว่างอยู่ปลายอุโมงค์อีกครั้ง
“ใช่ เกิดเรื่องที่โลกเสวียนเทียน”
นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยปากพูด นางเข้าใจดีมาก ๆ ขณะที่หลัวซิวพบเห็นตนเองในงานประมูล เขาก็น่าจะคาดเดาจุดนี้ได้แล้ว
“หลังจากเจ้าออกจากโลกเสวียนเทียนไม่กี่ปี จู่ ๆ ก็มีสาวชุดแดงนางหนึ่งย่างกรายมาถึง นางแข็งแรงมาก ๆ ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับนางได้”
“ทุกคนในสำนักไท่เสวียนล้วนถูกนางจับกุมตัวไปหมดแล้ว ซึ่งภายในนั้นก็รวมไปถึงท่านแม่และญาติพี่น้องของเจ้าด้วย……”
หลัวซิวไม่ทราบว่าสาวชุดแดงที่ช่าจื่อเยียนหมายถึงนั่นเป็นผู้ใดกันแน่ แต่ทว่าเขากลับพอจะคาดการณ์ได้อยู่ว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับซือถูเจิ้งเจี้ยน
ตอนนั้นหลังจากที่เขาสังหารซือถูเจิ้งเจี้ยนไปแล้ว ชายชุดคลุมดำมู่หมิงก็ลงมายังโลกามนุษย์ และไล่ล่าเขามาถึงโลกาดาราอุดร หากมิใช่เพราะอาศัยกฎเกณฑ์การกดอัดในแดนปริศนามกุฎเทพ ตอนนั้นเขาไม่มีทางกำจัดฝ่ายตรงข้ามได้เลยด้วยซ้ำ
และหลังจากที่มู่หลิงถูกเขากำจัดไปแล้ว ต่อมาก็มีสาวชุดแดงคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาอีก จากมูลฐานหลัวซิวสามารถยืนยันได้ว่าฝ่ายตรงข้ามต้องเป็นคนในสายจ่างเทียนเต้าอย่างแน่นอน
สำหรับกองกำลังใหญ่ในโลกาชั้นฟ้าแล้ว เมื่อพูดตามหลักการ การดับสลายสูญสิ้นของราชาเทพคนหนึ่งน่าจะไม่ถึงขั้นที่ทำให้เหล่ากองกำลังใหญ่ในโลกาชั้นฟ้าให้ความสำคัญมากขนาดนี้ และการที่ฝ่ายตรงข้ามกัดตัวเองไม่ปล่อยเช่นนี้นั้น หลัวซิวสันนิษฐานว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเศษใจแห่งศุภร
อิงจากคำพูดของช่าจื่อเยียน หลังจากนางถูกจับกุมตัวไป ไม่นานนักนางก็ถูกขายทิ้ง ขายไปขายมาอยู่หลายครั้ง จนถูกขายมายังงานประมูลอัคคีนภาในโลกะดาราคุนหลุน
ในส่วนของเหยียนเยว่เอ๋อร์ เหยียนซีโรว่ เสี่ยวเจียงหมิงรวมไปถึงพ่อแม่ญาติพี่น้องของหลัวซิวเป็นอย่างไรกันแน่นั้น นางกลับไม่ทราบอะไรเลย
มีจิตสังหารที่ดุดันและเฉียบคมถึงขีดสุดแผ่กระจายออกมาจากร่างหลัวซิว ยิ่งกว่านั้นคือจิตสังหารเหล่านั้นผนึกรวมกันเป็นเกราะสีเลือดอันเฉียบคมอยู่บนร่างกายเขา
“งานประมูลอัคคีนภา!”
เขากัดฟันแน่นแล้วพ่นคำพูดนี้ออกมา ปัจจุบันมีเพียงงานประมูลอัคคีนภาเท่านั้นที่เป็นเบาะแส บางทีเขาอาจจะสามารถยึดงานประมูลอัคคีนภาเป็นจุดเริ่มต้น สืบสาวเรื่องราวทุกอย่างไปจนถึงคนร้ายตัวจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังได้
“เพี๊ยะ!”
ม้วนหยกชิ้นนั้นถูกเขาบีบจนแตกสลายเป็นฝุ่นผง เสี้ยววินาทีที่ม้วนหยกถูกทำร้าย ช่าจื่อเยียนก็สัมผัสได้ว่าร่างกายของตนผ่อนคลายขึ้นมากะทันหัน ในที่สุดตัวต้องห้ามที่ทำให้นางรู้สึกตายทั้งเป็นก็หายไปสักที
รูปเงาของหลัวซิวสะท้อนอยู่ในลูกตาดำของนาง มีความรู้สึกที่พูดไม่ออกอัดอั้นอยู่ในใจ สำหรับน้องชายในอดีตคนนี้ มีทั้งรักและเกลียดในใจนาง
ทว่านางเข้าใจดีมาก ๆ ว่าความรักของนางที่มีต่อหลัวซิว มีมากกว่าความเกลียดชัง เนื่องจากถึงแม้การล่มสลายของสำนักเทียนช่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเขา ทว่าก็จะโทษเขาทั้งหมดไม่ได้
สิ่งเดียวที่นางโทษคือหลัวซิวปกปิดเรื่องราวนี้ในตอนแรก
อย่างไรก็ตามปัจจุบันเรื่องทั้งหมดนี้มันไม่สำคัญแล้ว มีการปรากฏตัวของหลัวซิว ทำให้จิตใจที่สับสนและอยากตายของนางมีทิศทางความหวัง มีข้อคิดเห็นขึ้นมาในทันที ไม่ว่าจะเป็นผู้คนในสำนักไท่เสวียน หรือจะช่วยชีวิตเสี่ยวเจียงหมิงกลับมาได้หรือไม่นั้น มีเพียงต้องพึ่งพาหลัวซิวคนเดียวเท่านั้นแล้ว
“พวกเจ้าเป็นอิสระแล้ว”
ปล่อยผู้บำเพ็ญเซียนหญิงทั้งเจ็ดคนนั้นออกมาจากโลกาจุดลมปราณ ม้วนหยกที่ควบคุมตัวต้องห้ามในร่างกายก็ถูกทำลายไปแล้ว ซึ่งพวกนางสามารถสัมผัสจุดนี้ได้อยู่