เช่นนั้นจ้าววัฏสงสารรุ่นแรกที่แข็งแกร่งที่สุด ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวอย่างไร้ข้อสงสัยเลย
“ตามหลักทฤษฎีน่ะมีความเป็นไปได้อยู่ ทว่าเจ้าไขว่คว้าสิ่งที่เกินตัวมากเกินไปหรือเปล่า? ฝึกคู่ในนอกมีโอกาสสูงมาก ๆ ที่เจ้าจะไม่บรรลุแม้กระทั่งแดนจักรพรรดิเทพ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงจ้าววัฏสงสารเลย”ตัวมรณาเข้าสู่บทบาทพูดทำร้ายจิตใจหลัวซิวใหม่อีกครั้ง
“เมื่อชีวิตของคนเราเต็มเปี่ยมไปด้วยความท้าทาย เช่นนั้นถึงจะมีความหมายหน่อยมิใช่หรือ?”หลัวซิวไม่ได้สูญเสียความมั่นใจเพราะคำพูดของตัวมรณาแต่อย่างใด เสมือนครั้นเมื่ออยู่ในเมืองชิงหยุน ในสายตาของศิษย์มั่งคั่งบริบูรณ์เหล่านั้น ตนก็เป็นเพียงประชาชนชั้นต่ำกระจอก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น แต่ผู้ใดจะคิดเล่าว่าตนในปัจจุบันจะอยู่เหนือทุกคนในโลกแสงดาว?
ในโลกใบนี้สิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดไม่ใช่กฎ ไม่ใช่วิถียุทธ์ แต่เป็นโชคชะตา เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความเป็นไปได้
“มีเพียงยึดกุมวัฏสงสารแล้ว ถึงจะสามารถยึดกุมโชคชะตาได้ เส้นทางฝึกคู่ในนอกไม่เหมาะสมกับเจ้า”ภายในห้วงดาราหยั่งรู้ แววตาของตัวมรณากำลังจ้องเขม็งหลัวซิว
ในตัวหยั่งรู้ ห้วงจิตของหลัวซิวสามารถเปลี่ยนแปลงได้หลากหลายรูปแบบ เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวของตัวมรณาแล้ว จึงมีรอยยิ้มที่เยือกเย็นเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าเขา “หากยึดกุมวัฏสงสารแล้วก็จะสามารถยึดกุมโชคชะตา เช่นนั้นจ้าววัฏสงสารรุ่นก่อน ๆ จะตายไปจากโลกนี้ได้อย่างไรเล่า?”
“เจ้าอย่าบอกข้านะว่าพวกเขาจงใจไปตาย?”หลัวซิวจ้องเขม็งตัวมรณาที่อยู่ตรงหน้า “อย่าคิดที่จะให้ข้าเดินบนเส้นทางของจ้าววัฏสงสารรุ่นก่อน ข้ารู้อยู่ว่าเจ้าอยากใช้มือข้ามาสร้างวัฏสงสารใหม่ ซึ่งนี่เป็นภารกิจที่หนักอึ้งของเจ้าในฐานะเทพแห่งวัฏจักรชีวิต ทว่ามันกลับไม่ใช่ภารกิจของข้า! ข้าจะเป็นคนเลือกทางเดินของข้าเอง!”
อารมณ์ของตัวมรณาที่สุขุมเรียบนิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย มันก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าผู้สืบทอดที่อยู่ตรงหน้านี้จะละเอียดอ่อนเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นที่มีโอกาสกลายเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างจ้าววัฏสงสารละก็ คาดว่าคนดังกล่าวคงต้องปฏิบัติตามความคิดเห็นของตนอย่างไร้ความลังเลใจแน่นอน แต่ทว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้กลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง
มันเป็นสิ่งที่จ้าววัฏสงสารรุ่นแรกสร้างขึ้นมา จ้าววัฏสงสารรุ่นที่ 2 ตลอดจนรุ่นที่ 9 ที่ผ่านมา ก็ต่างเติบใหญ่ขึ้นภายใต้การชี้แนะและการรู้เห็นของมันเช่นกัน ผู้สืบทอดรุ่นที่ 10 คนนี้เหมือนจะแตกต่างจากผู้อื่นมาก ๆ
“ขอให้สมดั่งที่เจ้าหวัง”ตัวมรณาไม่ได้พูดอะไรอีก เงาร่างมันหายวัยไป กลับเข้าสู่ตำหนักวัฏสงสาร
ดึงความคิดออกมาจากตัวหยั่งรู้ของตน จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าบินตรงไปยังทิศทางของภูเขาคุนหลุนต่อ
ทันใดนั้นเอง ตัวสำนึกของเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังออร่าของนักยุทธ์อื่น ลำดับแรกผู้ที่ปรากฏอยู่ในขอบเขตกระแสสัมผัสของเขาคือผู้บำเพ็ญเซียนหญิงคนหนึ่ง มีคราบเลือดติดอยู่ตรงมุมปากของนาง ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลย
ด้านหลังของผู้บำเพ็ญเซียนหญิงคนดังกล่าว ความเร็วในการบินของลำแสงสองแสงนั่นรวดเร็วอย่างมาก ใช้เวลาอีกไม่นานนัก ก็จะไล่ตามผู้บำเพ็ญเซียนหญิงคนดังกล่าวได้แล้ว
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้พบได้บ่อยมาก ๆ ในโลกของนักยุทธ์ สิ่งที่ทำให้หลัวซิวต้องขมวดคิ้วลงเล็กน้อยก็คือ ผู้บำเพ็ญเซียนหญิงคนดังกล่าวกำลังบินตรงเข้ามาทางตำแหน่งของเขา
ภายในระยะเวลาสิบลมหายใจเท่านั้น เงาร่างของผู้บำเพ็ญเซียนหญิงคนหนึ่งที่ใบหน้าขาวซีดก็ปรากฏในสายตาหลัวซิวแล้ว
“ฉีชวงชวง?”และในเวลานี้เอง หลัวซิวก็สังเกตเห็นอีกว่าทั้งสองคนที่เป็นผู้ไล่ล่า ภายในนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งนางก็คือผู้หญิงที่ไล่ล่าฉียู่หรงครั้นเมื่ออยู่ในดาราแห่งกาลเวลานั่นเอง
หลัวซิวไม่รู้จักผู้หญิงที่ถูกไล่ล่าแต่อย่างใด ทว่าหลัวซิวกลับรู้สึกคุ้นเคยต่อออร่าที่อยู่บนตัวนางเล็กน้อย
“นังผู้หญิงชั้นต่ำ ครั้งนี้แกหนีไม่รอดแน่ ชายชู้คนนั้นของแกล่ะ? เหตุใดถึงไม่เห็นมันออกมาช่วยแก?”
ฉีชวงชวงก็เป็นผู้หญิงที่งดงามคนหนึ่งเช่นกัน ทว่าสีหน้าของนางกลับดูดุร้ายเล็กน้อย ทำให้ความรู้สึกงดงามนั่นของนางพังทลายลงไป
ในขณะเดียวกัน ทั้งสามคนที่เป็นผู้ไล่ล่าและผู้ถูกล่าก็สังเกตเห็นหลัวซิวแล้วเช่นกัน เนื่องจากเขาเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของตัวเองไปแล้ว เพราะฉะนั้นฉีชวงชวงจึงจำเขาไม่ได้