“มึงคิดที่จะทำอะไร?”ชายร่างยักษ์หันหลังกลับมาจ้องมองหลัวซิวอย่างระแวดระวัง ถึงแม้ออร่าผลการฝึกตนของคนดังกล่าวจะไม่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่นัก ทว่าจิตที่จะฆ่าเมื่อครู่นี้กลับน่าสยดสยองมาก ๆ ทำให้ผลการฝึกตนราชาเทพขั้น 9 อย่างเขายังรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง
“ส่งแก้วเทวชั้นกลางสามร้อยล้านชิ้นมา เราทั้งสามคนคนละร้อยล้านชิ้น”หลัวซิวค่อย ๆ พูด
“มึง……”
เมื่อชายร่างยักษ์ได้ยินคำพูดดังกล่าว เขาก็รู้สึกโกรธมากจนใบหน้าแดงเถือกขึ้นมาในทันที เมื่อครู่เขายังปากดีรีดไถแก้วเทวชั้นกลางสามร้อยล้านชิ้นจากฝ่ายตรงข้ามอยู่เลย บัดนี้ตัวเองกลับถูกฝ่ายตรงข้ามรีดไถอย่างนั้นหรือ?
เมื่อหนิงหานยู่ที่อยู่ข้าง ๆ เห็นว่าใบหน้าของชายร่างยักษ์แดงก่ำดั่งตับหมู จึงหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ฉียู่หรงก็กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเช่นกัน ทว่าอุปนิสัยของนางค่อนข้างสุขุม ดังนั้นจึงไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาผ่านสีหน้า
นางมองใบหน้ามุมข้างของหลัวซิวรอบหนึ่ง จู่ ๆ ภาพเหตุการณ์ครั้นเมื่อผู้ชายคนนี้ยืดอกออกมาเผชิญหน้ากับฉีเฉียวซานในแดนมกุฎเทพก็ปรากฏขึ้นมาในสมอง ใบหน้ามุมข้างของเขา ณ เมื่อนั้นก็เป็นอย่างบัดนี้เช่นกัน
“ลึกลับ แข็งแกร่ง……ผู้ชายที่ไม่เสียเปรียบให้ผู้ใด”ไม่รู้เพราะเหตุใด ฉียู่หรงรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับใบหน้ามุมข้างที่คมชัดได้รูปและดูแข็งแกร่งหนักแน่นนั่นได้ประทับลงส่วนลึกของหัวใจนางโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้ว
“ส่งแก้วเทวชั้นกลางออกมาสามร้อยล้านชิ้นแล้วกูจะปล่อยมึงไป มิเช่นนั้นตาย”หลัวซิวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็น ฝ่ายตรงข้ามบังอาจขู่เข็ญตัวเอง เขาจะปล่อยเจ้าหมอนี่ไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?
“ยังคงเผด็จการมาก ๆ ……”ฉียู่หรงรู้สึกว่าตัวเองหลงใหลในใบหน้ามุมข้างอันไร้ที่ตินี่ของผู้ชายคนนี้แล้ว
“มึงอย่าทำเกินไปหน่อยเลยนะ!”
ชายร่างยักษ์กําหมัดแน่น พลังออร่ารอบกายลอยขึ้นสูง แล้วพูดด้วยใบหน้าที่หม่นหมอง: “ถ้าเกิดลงไม้ลงมือกันละก็ มันไม่มีประโยชน์อะไรต่อพวกเราทั้งสองฝ่าย”
“พูดเช่นนี้หมายความว่ามึงไม่ยอมส่งแก้วเทวชั้นกลางสามร้อยล้านชิ้นออกมาสินะ?”
หลัวซิวก้าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายใต้การโคจรกฎปริภูมิ จึงประกอบเป็นพลังแห่งการพันธนาการที่ทรงพลังภายในพริบตา
สีหน้าของชายร่างยักษ์นั่นเปลี่ยนไป ทว่ากลับไม่รอให้เขาตอบสนองกลับมาได้ หลัวซิวก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาเป็นที่เรียบร้อย แล้วฟาดฝ่ามือหนึ่งลงไป
ตู้ม!
จากความเกะกะระรานอย่างยิ่งในร่างยุทธ์ร่างเนื้อของหลัวซิว ฝ่ามือที่ดูไม่โดดเด่นอะไรนี้กลับสามารถเทียบทัดพลังโจมตีที่ทุ่มสุดกำลังสามารถของราชาแห่งศัสตราวุธชั้นยอด
ร่างกายของชายร่างยักษ์ระเบิดแตกสลายภายในพริบตา แต่ทว่าภายใต้การพันธนาการของกฎปริภูมิ เศษเลือดเนื้อและกระดูกที่แตกสลายไม่ได้กระเด็นไปทั่วแต่อย่างใด แต่ถูกกฎปริภูมิผนึกรวมกันอยู่กลางอากาศ
เห็นเพียงหลัวซิวดีดเปลวไฟหนึ่งดวงออกไปอย่างสบาย ๆ ก็แผดเผาเศษเนื้อเละ ๆ และกระดูกเหล่านั้นจนกลายเป็นฝุ่นผงแล้ว จากนั้นก็มีช่องจิตดวงหนึ่งร่วงลงมาในมือเขา ก่อนจะโยนให้อสูรดูดจิตโบราณที่เกาะอยู่บนไหล่กลืนกิน
ผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพ?
ณ วินาทีนี้ ภายในห้องโถงผู้โดยสารเรือที่สามารถรองรับคนนับพันได้ เงียบกริบลงไปภายในชั่วพริบตาเดียว ผลการฝึกตนของชายร่างยักษ์นั่นคือราชาเทพขั้น 9 เชียวนะ ต่อให้กึ่งมกุฎเทพจะแข็งแกร่งกว่าเขา ทว่าหากจะสังหารเขาภายในกระบวนท่าเดียวนั้น ต้องไม่มีทางทำได้เด็ดเดี่ยวว่องไวเช่นนี้อย่างแน่นอน
วินาทีนี้แววตาของคนจำนวนมากที่มองไปทางหลัวซิวอีกครั้งมีความประหวั่นพรั่นพรึงและหวาดกลัวปนอยู่ บนเรืออนัตตาไม่มีการห้ามฆ่าผู้อื่นแต่อย่างใด คนหนุ่มที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดยินดีที่จะไปหาเรื่องด้วยหรอก
ยิ่งกว่านั้นคือมีคนเดาว่าผู้ที่ลงมือโจมตีนี้ มีโอกาสเป็นมกุฎเทพคนหนึ่งที่ปิดบังผลการฝึกตนของตัวเองสูงมาก ๆ !
“พี่เย่ท่านเก่งกาจเกินไปแล้ว”
แม้จะเคยได้ยินพี่สาวตัวเองพูดถึงผลงานการต่อสู้ของหลัวซิวแล้ว แต่การได้ฟังและการได้เห็นเองกับตานั้น มันแตกต่างกันคนละขั้วอย่างแน่นอน
หนิงหานยู่มองหลัวซิวด้วยใบหน้าที่เลื่อมใสศรัทธา อุปนิสัยอย่างหญิงสาวในวัยนาง ภายในจิตใจจะมีความรู้สึกเคารพเลื่อมใสต่อผู้แข็งแกร่งแฝงอยู่
หลัวซิวเอาแหวนเก็บของของชายร่างยักษ์มา ภายในมีราชาแห่งศัสตราวุธสองชิ้น ชิ้นหนึ่งชั้นสูง ชิ้นหนึ่งชั้นกลาง ไม่มีแก้วเทวชั้นสูง แก้วเทวชั้นกลางมีไม่ถึงพันล้าน และยังมีวัตถุดิบต่าง ๆ อีกมากมาย ส่วนสุดท้ายนั้นก็คือป้ายบัญชาการขึ้นเรือสีทองแดง