หลัวซิวทั้งสามคนต่างเดินไปหาที่นั่งนั่งลงตรงซอกมุมของห้องโถงใหญ่ บริเวณรอบ ๆ ล้วนนั่งเต็มไปด้วยผู้คน หลัวซิวยกมือขึ้นมาร่ายยันต์ค่ายอย่างเคยชิน และกลายเป็นค่ายกลคุ้มกันระดับ 8
เมื่อเห็นวิธีการร่ายยันต์ค่ายที่เขาแสดง ผู้คนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ก็ยิ่งรู้สึกเคารพยำเกรงในตัวเขามากขึ้น นักค่ายเทพระดับ 8 ที่ศักยภาพเกะกะระรานคนหนึ่ง นักยุทธ์ทุกคนที่อยู่ต่ำกว่ามกุฎเทพ ไม่มีผู้ใดยินดีไปหาเรื่องเขาเลย
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ก่อนจะมุ่งหน้าเดินตรงไปทางหลัวซิวแล้วพูด: “สหายท่านนี้ อิงจากกฎระเบียบของเรืออนัตตา เจ้าสังหารคนคนหนึ่งไป เจ้าจำเป็นต้องส่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งในแหวนเก็บของรวมไปถึงป้ายบัญชาการขึ้นเรือให้ทางเรืออนัตตา”
การที่สามารถสร้างเรืออนัตตาไปมาหาสู่ระหว่างโลกามนุษย์และโลกาชั้นฟ้าได้นั้น กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เมื่อเผชิญหน้ากับคำร้องขอของชายวัยกลางคนผู้นี้ หลัวซิวก็ไม่ได้พูดอะไรไร้สาระมากเช่นกัน ส่งแก้วเทวชั้นกลางห้าร้อยล้านชิ้นออกมาโดยตรง รวมไปถึงป้ายบัญชาการขึ้นเรือสีทองแดงชิ้นนั้น
ทรัพย์สินในแหวนเก็บของของชายร่างยักษ์ไม่ได้มีเพียงหนึ่งพันล้านเท่านั้น แต่ทว่าคนที่ได้รับแหวนเก็บของก่อนเป็นคนแรกคือหลัวซิว ผู้ใดเล่าจะรู้ว่าภายในมีทรัพย์สินเท่าไหร่กันแน่?
ดังนั้นหลัวซิวจึงจงใจเอาออกมาน้อย ๆ หน่อย แน่นอนอยู่แล้วว่าก็ออกมาน้อยเกินไปไม่ได้เช่นกัน อย่างไรเสียพวกที่อยู่บนเรืออนัตตาก็ไม่ใช่คนโง่
สำหรับแก้วเทวห้าร้อยล้านชิ้นที่หลัวซิวส่งออกมานั้น ชายวัยกลางคนก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ เพียงอมยิ้มก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป
“คนของเรืออนัตตานี่ก็พูดคุยง่ายอยู่นี่”หลัวซิวรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย
“พี่เย่ ท่านไม่เข้าใจวิธีการต่าง ๆ ของที่นี่แล้วสินะ”หนิงหานยู่ที่อยู่ข้าง ๆ ขบขำเบา ๆ ก่อนจะพูด: “สำหรับกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังเรืออนัตตาแล้ว ผู้ที่ซื้อได้เพียงป้ายบัญชาการขึ้นเรือสีทองแดงอย่างเรา ๆ น่ะ ไม่มีค่าพอที่จะให้พวกเขาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ เพราะหลังจากคนจำนวนมากซื้อป้ายบัญชาการขึ้นเรือแล้ว โดยส่วนใหญ่ทรัพย์สินบนตัวก็แทบจะหดหายไปเกือบครึ่งแล้ว”
“แต่ทว่าป้ายบัญชาการขึ้นเรือสีทองแดงที่ท่านส่งให้เรือทางอนัตตานั้นกลับแตกต่างกัน เจ้าโง่นั่นถูกท่านฆ่าไปแล้ว ที่นั่งของเรืออนัตตาลำนี้จึงเพิ่มขึ้นมาหนึ่งที่นั่ง เรืออนัตตาที่เรากำลังนั่งยังจะเดินทางผ่านโลกาอื่น ๆ อีก ถึงครานั้นก็จะสามารถขายป้ายบัญชาการขึ้นเรือชิ้นนั้นออกไปได้ในราคาที่ดีกว่าอีกครั้ง”
เมื่อฟังทั้งหมดที่หนิงหานยู่กล่าวมาแล้ว หลัวซิวจึงเข้าใจหลักการของที่นี่ขึ้นมาภายในพริบตาเช่นกัน มิน่าล่ะจึงไม่ห้ามการเข่นฆ่าบนเรืออนัตตา เนื่องจากเมื่อผู้เสียชีวิตยิ่งเยอะ ผลกำไรที่เรืออนัตตาได้รับก็จะยิ่งมาก
ในส่วนของความเป็นความตายของผู้คนที่อยู่บนเรือนั้น ทางเรืออนัตตาไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากความหมายในการคงอยู่ของเรืออนัตตานั้น เป็นการสร้างมูลค่าให้เยอะที่สุดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ไม่เพียงแค่เรืออนัตตาลำนี้เท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ เรืออนัตตาทุกลำล้วนมีกฎระเบียบทำนองเดียวกันเช่นกัน
จุดประสงค์ของเรืออนัตตาคือสร้างทรัพยากรจำนวนมาก ทว่าเหล่านักยุทธ์ที่อยู่บนเรือก็ไม่ใช่คนโง่เช่นกัน ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปน้อยมากที่จะมีการเข่นฆ่ากันเกิดขึ้น เนื่องจากหากท่านไม่สามารถสังหารคู่ต่อสู้ภายในหนึ่งกระบวนท่าละก็ เช่นนั้นทันทีที่เกิดการต่อสู้กัน ก็จะสร้างความเสียหายให้แก่ตัวเรือของเรืออนัตตา เผลอแป๊บเดียวก็ได้กลายเป็นทาสและไม่สามารถพลิกตัวได้ตลอดชีวิต
เพราะฉะนั้นเดิมทีชายร่างยักษ์ผู้นั้นวางแผนที่จะใช้ผลการฝึกตนมาขู่กรรโชกสิ่งของจากหลัวซิวทั้งสามคนสักหน่อย เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวรุกรานไม่ง่ายจึงถดถอย
ทว่าเขานึกอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าคนที่ตัวเองประสบพบเจอไม่ใช่คนที่รุกรานไม่ง่าย แต่เป็นอสูรร้ายที่ไม่อาจรุกรานได้เลยด้วยซ้ำ
ฝึกยุทธ์จนถึงปัจจุบัน จิตสังหารของหลัวซิวก็ยังคงเข้มข้นมาก ๆ เขาจะไม่ลงมือง่าย ๆ ทว่าทันทีที่ลงมือเขาก็จะไม่ปราณีใด ๆ เช่นกัน
ภายในห้องโถงใหญ่แห่งนี้ที่หลัวซิวอยู่มีคนพันกว่าคน เนื่องจากประสิทธิผลการข่มที่เขาสร้างขึ้นมาในเมื่อครู่นี้ ดังนั้นจึงไม่มีคนตาถั่วมาหาเรื่องเขาอีก