“นึกไม่ถึงเลยว่าจะค้นพบดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์”หลัวซิวก็รู้สึกสนใจต่อข่าวคราวนี้มาก ๆ เช่นกัน การฝึกตนในอนาคตของเขาจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ไม่มีผู้ใดอยากพลาดโอกาสที่สามารถได้รับทรัพยากรอยู่แล้ว
ฉียู่หรงและหนิงหานยู่ก็ตื่นขึ้นมาจากสภาวะการฝึกตนเช่นกัน โอกาสและโชคบนดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ก็ทำให้พวกนางต่างใฝ่หาจนสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน
“สักพักพวกเจ้าตามข้าไปนะ อย่าได้แยกจากข้าไปเป็นอันขาด”หลัวซิวกล่าว
“อื้ม”หญิงสาวทั้งสองต่างพยักหน้าอย่างรู้จักคิดมาก ๆ ถึงตอนนั้นนักยุทธ์จำนวนมากบนเรืออนัตตาก็จะเข้าไปในดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ ทันทีที่แยกจากกับหลัวซิวแล้วพบเจอยอดฝีมือที่เก่งกาจและอันตรายคนอื่น ๆ ละก็ จากศักยภาพของพวกนางพี่น้องทั้งสองคนยากที่จะมีชีวิตรอต่อไปได้จริง ๆ
ยืนอยู่บนดาดฟ้าแล้วเบิ่งมองออกไปไกล ๆ ก็สามารถมองเห็นเค้าโครงของดาวเคราะห์ดวงหนึ่งแล้ว เรืออนัตตาที่ใหญ่โตสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง ลำแสงขนาดใหญ่ลำแสงหนึ่งสาดส่องออกไปจากจุดที่สูงที่สุดของเรืออนัตตา ส่องทะลุดาราจักรวาล
โครม!
จู่ ๆ ลำแสงก็ระเบิดแตก กลายเป็นแสงเป็นจุด ๆ ตรานาบเข้าไปในอนัตตา เหมือนแหขนาดใหญ่ หยุดดาวเคราะห์ที่กำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วอยู่ในห้วงดารานั่นเอาไว้
“ดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ถูกทำให้หยุดนิ่งแล้ว บัดนี้เชิญทุกท่านนำยา อาวุธสงคราม ของขลังที่พวกท่านต้องการออกมาจากแหวนเก็บของ จักให้เวลาพวกท่านห้าลมหายใจ”
ชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดสีม่วงคนหนึ่งปรากฏอยู่กลางอากาศ เสียงที่ชัดเจนดังสะท้อนเข้าไปในหูของทุกคน เจ้าของเสียงที่พวกหลัวซิวได้ยินในห้องโถงใหญ่ ก็เป็นเสียงของคนดังกล่าวเช่นกัน
หลัวซิวสัมผัสได้ถึงพลังออร่าที่น่าสะพรึงกลัวดั่งมหาสมุทรจากร่างกายของชายวัยกลางคนชุดม่วงคนนี้ หากเขาเดาไม่ผิดละก็ ฝ่ายตรงข้ามต้องเป็นผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพช่วงปลายเป็นต้นไปอย่างแน่นอน อีกทั้งอย่างน้อยก็สามารถถูกขนามนามว่าเป็นยอดฝีมือในนักยุทธ์แดนเดียวกัน
สามารถพูดได้อย่างไม่ลังเลใจเลยว่าแค่อาศัยชายวัยกลางคนชุดม่วงคนเดียว ก็สามารถกวาดล้างทุก ๆ โลกะธาตุดาวในโลกามนุษย์ได้แล้ว
ถึงแม้จะไม่เข้าใจในความหมายของชายวัยกลางคนชุดม่วงก็ตาม แต่คนจำนวนมากก็นำสิ่งของที่ต้องใช้ในการสู้รบออกมาจากแหวนเก็บของ
ระยะเวลาห้าลมหายใจผ่านไปในพริบตาเดียว ชายวัยกลางคนชุดม่วงใช้มือทำท่าประสานอิน แสงสีม่วงจำนวนมากจึงบินออกมาจากร่างกายเขา แล้วบินตรงไปยังทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ
หลัวซิวสัมผัสไม่ได้ถึงจิตสังหารในแสงม่วงเหล่านี้ อีกทั้งเขาค้นพบว่าสิ่งที่แสงม่วงผนึกไม่ใช่ร่างกายของตนแต่อย่างใด แต่เป็นแหวนเก็บของที่สวมอยู่บนนิ้วเขา
ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว แสงม่วงก็ประชิดใกล้จนกลายเป็นตราประทับผสมรวมเข้าไปในแหวนเก็บของ หลัวซิวจึงค้นพบทันทีว่าการเชื่อมต่อระหว่างตัวสำนึกและแหวนเก็บของของตัวเอง ถูกตัดขาดไปภายในชั่วพริบตาเดียว
ไม่เพียงแค่หลัวซิวคนเดียวเท่านั้น ทุกคนก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน
“การผนึกของแหวนเก็บของจะดำเนินการต่อเนื่องสามวัน อีกทั้งเรืออนัตตาก็สามารถหยุดดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ดวงนี้ได้เพียงสามวันเท่านั้น เมื่อถึงเวลาเรืออนัตตาก็จะจากไป ผู้ที่ไม่กลับมาต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่ตามหาด้วยตนเอง”
เสียงอันชัดเจนของชายวัยกลางคนชุดม่วงดังขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าจะมอบแหวนที่สั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะให้แก่พวกเจ้าหนึ่งวง ต้องเก็บสิ่งของที่พวกเจ้าค้นพบในดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์รวมไว้ในแหวนวงนี้เท่านั้น นอกจากนี้ข้าต้องขอเตือนทุกท่านไว้ด้วยว่าอย่าได้คิดเพ้อเจ้อนำสมบัติที่ค้นพบซ่อนไว้ในตัวหยั่งรู้หรือซ่อนไว้ในร่างกาย ทันทีที่ถูกค้นพบละก็ ต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่ตามมาด้วยตนเองเช่นกัน!”
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ทุกคนก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทว่ากลับไม่มีผู้ใดกล้าพูดอะไร
“ช่างเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมเสียจริง”
ในทางตรงกันข้ามสิ่งที่หลัวซิวรู้สึกสนใจมากกว่าคือวิธีการผนึกแหวนเก็บของของฝ่ายตรงข้าม ราวกับว่าวิธีการเช่นนี้จะเป็นพลังอมตะอย่างหนึ่งที่นำวิถียุทธ์ผสมรวมเข้ากับค่ายกล
อีกทั้งกฎที่ชายวัยกลางคนชุดม่วงผู้นี้ฝึกก็แปลกมหัศจรรย์มากเช่นกัน ไม่ใช่ทองไม้น้ำไฟดิน ไม่ใช่ลมอัสนีหยินหยาง และไม่ใช่กฎชั้นยอดเช่นกัน แต่เป็นกฎพิเศษที่มีความสามารถในการผนึก