สาวน้อยชุดม่วงอมยิ้มพลางหยิบม้วนหยกหนึ่งชิ้นออกมายื่นให้หลัวซิว
“เนื้อหาที่อยู่ภายในม้วนหยกดังกล่าวก็คือบททดสอบ คอยเจ้าทำภารกิจเสร็จสิ้นเมื่อใดค่อยกลับมาอีกที”
หลัวซิวรับม้วนหยกมา ปฏิกิริยาแรกของเขาคือนำตัวสำนึกแผ่เข้าไปตรวจภายใน อยากทราบว่ามันคือภารกิจอะไรกันแน่
และในเสี้ยววินาทีที่ตัวสำนึกของเขาเพิ่งสัมผัสกับม้วนหยก ออร่าอันมากมายมหาศาลที่ไม่อาจคาดเดาได้ก็แผ่คลุมร่างกายเขากะทันหัน
ภายใต้การแผ่คลุมของพลังออร่าดังกล่าว หลัวซิวรู้สึกว่าเหมือนร่างกายของตัวเองสูญเสียการควบคุมยังไงอย่างนั้น
“ข้านั้นคือจีเสวียนคง!”
เสียงที่มีอายุดังก้องอยู่ในตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว ในขณะที่ใจลอย ราวกับหลัวซิวพบว่ามีผู้อาวุโสที่เปี่ยมล้นไปด้วยความน่าเกรงขามจ้องมองตัวเองลงมาจากที่สูงด้วยดวงตาที่ลึกซึ้ง
“หอยอดอัมพรมีความแค้นที่ยิ่งใหญ่ต่อข้า ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่อยากเป็นศิษย์ของข้า ต้องสังหารศิษย์ใจกลางคนหนึ่งของหอยอดอัมพร แล้วนำศีรษะของคนดังกล่าวเป็นของขวัญในการกราบไหว้ครู!”
เสี้ยววินาทีที่สิ้นเสียง ก็มีตัวสำนึกหนึ่งซึมเข้าไปภายในตัวหยั่งรู้ของหลัวซิวโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง
สัมผัสได้ว่าตัวสำนักดังกล่าวได้นอนพักอยู่ในตัวหยั่งรู้ของตัวเอง หลัวซิวจึงขมวดคิ้วลงในทันที จิตใจรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา
ในที่สุดเขาก็เข้าใจสักทีว่าเหตุใดเหล่าผู้คนที่มากราบไหว้ครูตลอดช่วงแปดหมื่นปีที่ผ่านมานี้ถึงปิดปากเงียบต่อบททดสอบ มีตัวสำนึกดังกล่าวนอนพักอยู่ภายในตัวหยั่งรู้ ถือเป็นการตักเตือนอย่างหนึ่ง หากผู้ใดบังอาจพูดออกไปมั่วซั่ว แค่อาศัยตัวสำนึกดังกล่าวของอาจารย์เสวียนคงก็สามารถสังหารคนคนนั้นภายในชั่วพริบตาเดียวได้แล้ว
หอยอดอัมพรมีความหมายแฝงว่าอย่างไร? นั่นมันสำนักจักรพรรดิเพียงหนึ่งเดียวในมหาโลกายอดอัมพรเชียวนะ แม้กองกำลังอื่น ๆ ก็อาจจะมีผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพคอยปกปักรักษาเช่นกัน ทว่าเนื่องจากไม่เคยมีมหาจักรพรรดิยุทธ์ผู้ไร้เทียมทานบังเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้เรียกแทนตัวเองว่าเป็นสำนักจักรพรรดิ
มาตรแม้นว่าจีเสวียนคงเป็นมหาปรมาจารย์ยาเซียน แต่ทว่าก็ไม่สามารถต่อกรกับกองกำลังที่ใหญ่โตมหึมาและมีการสืบสานยาวนานอย่างหอยอดอัมพรนั่นได้แน่นอน
ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางปล่อยให้ผู้อื่นทราบอยู่แล้วว่าเขามีความแค้นต่อหอยอดอัมพร จึงต้องมีวิธีการในการป้องกันไม่ให้เรื่องดังกล่าวแพร่งพรายออกไปได้อยู่แล้ว
หลัวซิวไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย ต่อให้มีตำหนักวัฏสงสารคุ้มกันอยู่ในตัวหยั่งรู้ มาตรแม้นว่าตัวหยั่งรู้ของเขาจะกลายเป็นห้วงดาราและแตกต่างจากผู้อื่น หากเขาบังอาจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวมั่วซั่วละก็ เกรงว่าคงยังไม่ทันได้อ้าปากพูด ก็ถูกตัวสำนึกของอาจารย์เสวียนคงที่อำพรางอยู่ภายในตัวหยั่งรู้ของตนสังหารภายในเสี้ยววินาทีแล้ว
การที่มีตัวสำนึกของผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานคนหนึ่งนอนพักอยู่ในส่วนลึกของตัวหยั่งรู้นั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มาตรแม้นว่าตัวมรณาที่เป็นเทพแห่งวัฏจักรชีวิตก็ทำได้เพียงหลบซ่อนอย่างระมัดระวัง รวมไปถึงกลิ่นอายออร่าของตำหนักวัฏสงสารก็ล้วนถูกอำพรางแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามสัมผัสได้
หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอย่างอาจารย์เสวียนคงที่มีบ่วงแค้นต่อหอยอดอัมพรยังทำได้เพียงเลือกที่จะเก็บไว้ในใจ ไม่กล้าเปิดเผยให้คนนอกทราบง่าย ๆ หากเขาที่เป็นนักยุทธ์แดนเทพฟ้าคนหนึ่งสังหารศิษย์ใจกลางของหอยอดอัมพรละก็ เช่นนั้นหายนะครั้งยิ่งใหญ่ต้องบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
สาวน้อยชุดม่วงเห็นรอยยิ้มที่ขมขื่นของหลัวซิว นางจึงพูด “แม้เจ้าจะทำภารกิจดังกล่าวไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร แค่อย่าเปิดเผยมั่วซั่วก็พอแล้ว”
ในมุมมองของนาง เย่ห้าวหรานดังกล่าวอยู่เพียงแดนเทพฟ้า มาตรแม้นว่าเขาจะกล้าไปฆ่าคนในหอยอดอัมพร แล้วเขาจะฆ่าสำเร็จได้อย่างไรเล่า?
หอยอดอัมพรคือสำนักจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาโลกาใบนี้ แค่ศิษย์ใจกลางที่อ่อนที่สุด ผลการฝึกตนก็ต้องอยู่ที่ราชาเทพช่วงปลายอย่างแน่นอน ซึ่งด้านกำลังรบของพวกเขาทุกคนนั้น ยิ่งสามารถเทียบทัดมกุฎเทพธรรมดาทั่วไปได้
หลังจากเขาเดินออกมาจากหอโอสถเสวียนคงแล้ว ประตูของหอโอสถก็ถูกสาวน้อยชุดม่วงผู้นั้นปิดลง ปัจจุบันเส้นทางที่วางอยู่ตรงหน้าหลัวซิวเหลือเพียงสองเส้นทางสุดท้ายแล้ว ทางแรกคือไปฆ่าคน ส่วนอีกทางหนึ่งก็คือยอมแพ้
หลัวซิวไม่เข้าใจว่าจีเสวียนคงเป็นคนอย่างไรกันแน่ แค่กราบไหว้ครูอย่างเดียวก็ต้องสังหารคนคนหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนอย่างไร้เหตุผล เรื่องประเภทนี้มันเป็นการขัดต่อเจตนาเดิมของหลัวซิวเล็กน้อยแล้ว