มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1824
แต่เย่ห้าวหรานที่อายุดูไม่ค่อยมากผู้นี้กลับทำเช่นนั้นได้ อีกทั้งความรู้สึกของคลื่นผลการฝึกตนของเขาที่มีต่อผู้อื่นนั้นก็พิลึกมาก ๆ เช่นกัน เหมือนเทพฟ้าขั้น 6 แต่ก็คล้ายราชาเทพขั้น 6 เช่นกัน
“อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่ทราบผลของการสังหารเซียวเฟย? ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผยละก็……”สาวน้อยชุดม่วงมองหลัวซิวด้วยความแปลกใจ
การที่ใช้ชีวิตอยู่ในมหาโลกายอดอัมพร ไม่มีผู้ใดอยากรุกรานหอยอดอัมพร มิหนำซ้ำยังเป็นคู่แค้นที่ไม่ตายไม่หยุดด้วย ดังนั้นตลอดช่วงแปดหมื่นกว่าปีที่ผ่านมา มีคนจำนวนมากต่างอยากกราบไหว้จีเสวียนคงเป็นอาจารย์ เมื่อทราบเนื้อหาภารกิจบททดสอบในการกราบไหว้ครูแล้ว กลับไม่มีผู้ใดกล้าทำเช่นนั้นจริง ๆ มิหนำซ้ำยอดฝีมือในคนรุ่นใหม่ จะมีผู้ใดมั่นใจว่าสามารถสังหารศิษย์ใจกลางคนหนึ่งของหอยอดอัมพรได้ล่ะ?
แต่เจ้าหมอนี่กลับทำเช่นนั้นแล้ว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้วเจอเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จะมีสักกี่คนที่เรียบนิ่งเช่นนี้ได้เล่า?
ทันใดนั้นเอง สาวน้อยชุดม่วงก็ผงะไปเล็กน้อย เนื่องจากเมื่อครู่นี้มีเสียงเสียงหนึ่งดังเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของนาง
“ศิษย์พี่เย่ ท่านปู่ให้ท่านขึ้นไปบนชั้นสองเจ้าค่ะ”สาวน้อยชุดม่วงกระพริบตาถี่ ๆ แล้วพูดด้วยหน้าตาที่ทะเล้น: “ตลอดแปดหมื่นกว่าปีที่ผ่านมา ในบรรดาทุกคนที่มากราบไหว้ครู ท่านเป็นเพียงคนเดียวที่มีโอกาสกราบไหว้ครูสำเร็จเลยนะเจ้าคะ”
สาวน้อยชุดม่วงทำปากจู๋ ราวกับว่านางรู้สึกอิจฉาและริษยาเล็กน้อยที่หลัวซิวมีโอกาสกราบไหว้ครูสำเร็จ
หลัวซิวหลุดหัวเราะออกมา สาวน้อยคนนี้เป็นหลานสาวของอาจารย์จีเสวียนคงเชียวนะ
“เจ้าชื่อว่าอะไร?”ในขณะที่หลัวซิวเดินผ่านข้างกายนาง เขาจึงยิ้มพลางถามหนึ่งคำ
“ข้ามีนามว่าเสี่ยวจื่อ หากท่านได้กลายเป็นลูกศิษย์ของท่านปู่ ต่อไปต้องดูแลข้าดี ๆ ล่ะ”จีเสี่ยวจื่อหัวเราะพลางพูดอย่างทะเล้นพิลึก
เสียงหัวเราะของนางคล้ายเสียงระฆังเงิน ซึ่งมีความไร้เดียงสาและไร้ที่ติปนอยู่ จึงทำให้เหมือนมีภาพเหตุการณ์ครั้นเมื่อตนยังเป็นเด็กไร้เดียงสาโง่เขลาที่เพิ่งฝึกยุทธ์ใหม่ ๆ ปรากฏขึ้นมาในสมอง
เอี๊ยดอ๊าด เอี๊ยดอ๊าด
ฝ่าเท้าเหยียบย่ำลงบนบันไดไม้จนเกิดเป็นเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ราวกับหอโอสถหลังนี้ขาดการบูรณะมานานหลายปียังไงอย่างนั้น
หลัวซิวไม่ได้ปกปิดเสียงฝ่าเท้าของตน ยิ่งกว่านั้นคือแม้กระทั่งออร่านักยุทธ์บนร่างเขาก็ถูกดึงเก็บเข้าไปภายในร่างกายโดยสิ้นเชิงเช่นกัน เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง ค่อย ๆ ก้าวเดินขึ้นไปบนชั้นสอง
จีเสวียนคงที่อยู่ในมหาโลกายอดอัมพรใกล้เคียงกับผู้แข็งแกร่งที่คงอยู่ในตำนาน ในฐานะที่เป็นมหาปรมาจารย์ยาเซียนเพียงหนึ่งเดียวในมหาโลกาใบนี้ ผู้ที่มีสิทธิ์ได้พบหน้าเขานั้น พอจะพูดได้เลยว่ามีน้อยนิดมาก ๆ
และจีเสวียนคงก็เป็นคนที่ลึกลับมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเช่นกัน ปรากฏอยู่ในสายตาของชาวโลกน้อยมาก ๆ
เขาล้วนอยู่ในหอโอสถในเมืองดาราจันทราอย่างสันโดษตลอดทั้งปี ราวกับไม่สุงสิงแก่งแย่งกับผู้อื่น
แต่หลัวซิวกลับทราบอยู่ว่ามหาปรมาจารย์ยาเซียนท่านนี้มีบุญคุณความแค้นที่ยิ่งใหญ่ต่อหอยอดอัมพร มิเช่นนั้นมาตรฐานแรกในการรับศิษย์ของเขา ก็คงไม่ให้ไปฆ่าศิษย์ใจกลางคนหนึ่งของหอยอดอัมพรเพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี
ชั้นที่สองของหอโอสถคือห้องที่กว้างใหญ่มาก ๆ ห้องหนึ่ง กำแพงบริเวณรอบ ๆ และบนหลังคา มีไข่มุกที่เปล่งแสงแวววาวและแก้วเทวฝังอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้พื้นที่ภายในห้องดังกล่าวมีแสงไฟสว่างไสว
บนเบาะที่นั่งทรงกลมใบหนึ่ง มีชายชราที่อยู่ในชุดคลุมยาวสีเทาคนหนึ่งนั่งหลับตาอยู่ในท่าขัดสมาธิ ราวกับคนทั้งคนผสมรวมเข้ากับฟ้าดิน หากไม่ใช่มองเห็นด้วยดวงตา ตัวสำนึกก็ไม่สามารถค้นพบการคงอยู่ของเขาได้เลยด้วยซ้ำ
ประสานฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียว
นี่ถึงจะเป็นการประสานฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียวที่แท้จริงต่างหาก อยู่ในสภาวะวิถีแห่งธรรมชาติ
ณ วินาทีนี้ แม้กระทั่งกระแสสัมผัสกฎชีวิตก็ยังไร้ประโยชน์ไปด้วย ไม่สามารถสัมผัสออร่าชีวีที่อยู่บนตัวชายชราผู้นี้ได้เลยแม้แต่น้อย
จีเสวียนคง! มหาปรมาจารย์ยาเซียนเพียงหนึ่งเดียวในมหาโลกายอดอัมพร!
ทันใดนั้นเอง เสี้ยววินาทีที่สายตาของหลัวซิวจับจ้องไปบนตัวจีเสวียนคง ชายชราชุดคลุมยาวสีเทานั่นก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเช่นกัน