โดยเฉพาะแก่นแท้ดาราโบราณมกุฎเทพหนึ่งดวงที่ซ่อนอยู่ในบรรดาดารานับสิบดวงนี้ มันจะเคลื่อนที่เป็นระยะ ๆ และมีพลานุภาพแย้มบาน แล้วก็ทำให้สีหน้าของท่านฉีในชุดคลุมยาวดำนั่นเปลี่ยนไป เหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
“กวง! กวง! กวง! ……”
อานุภาพของดาราที่หลัวซิวฝึกเองก็ยังแตกต่างจากอานุภาพของศัตราวุธราชาอยู่ ท่านฉีในชุดคลุมยาวดำอาศัยหอคอยเทวสามารถต้านทานพลังโจมตีทั้งหมดเอาไว้ได้ แค่สูญเสียผลการฝึกตนพลังเวทย์ไปเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
ทว่าพลังการโจมตีของดาราโบราณมกุฎเทพกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทุกครั้งที่มันร่วงหล่นลงมาจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น มันก็จะสร้างรอยร้าวบนหอคอยเทวทุกครั้ง จึงทำให้เขารู้สึกเจ็บใจเหมือนถูกมีดกรีด
“เจ้าเด็กเดรัจฉาน ข้าก็อยากทราบเช่นกันว่าเจ้าจะยังกระตุ้นของขลังจ้าวมหาเทพได้สักกี่ครั้งเชียว!”
สีหน้าของท่านฉีดูดุร้ายอย่างยิ่ง หากฝ่ายตรงข้ามไม่มีของขลังจ้าวมหาเทพชิ้นนี้ละก็ การที่ตัวเองจะกำราบเขานั้น ต้องไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน ทว่าเขานึกอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าราชเทพเล็ก ๆ คนหนึ่ง ถึงกับมีสมบัติล้ำค่าระดับจ้าวมหาเทพอย่างนั้นหรือ มาตรแม้นว่าผลการฝึกตนของตนอยู่เหนือฝ่ายตรงข้าม แต่ก็รับมือได้ทุลักทุเลเช่นกัน
แต่ทว่าพลานุภาพของของขลังจ้าวมหาเทพสูงเทียมฟ้า ภายใต้การกระตุ้นและควบคุม หลัวซิวก็ต้องสูญเสียผลการฝึกตนจำนวนมากเช่นกัน ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพ ก็ควบคุมมันได้ไม่นานแน่นอน แล้วจะนับประสาอะไรกับราชาเทพเล็ก ๆ คนหนึ่ง?
ตรงมุมปากของหลัวซิวมีรอยยิ้มที่เยาะเย้ยปรากฏเล็กน้อย หลังจากผลการฝึกตนบรรลุถึงราชาเทพ ผ่านไปนานมาก ๆ เขาถึงจะได้รับของขวัญจากกฎดั้งเดิม ทว่าการได้รับของขวัญในครั้งนี้กลับสามารถทดแทนจุดอ่อนเรื่องที่ผลการฝึกตนของเขาค่อนข้างต่ำได้โดยสิ้นเชิง
สรรพสิ่งอิงหยินอุ้มหยาง พลังเวทย์ไร้ขีดจำกัด ขอเพียงไม่อยู่เหนือขีดจำกัดของตัวเอง เช่นนั้นไม่ว่าเขาจะกระตุ้นอาวุธที่ทรงพลังมากเพียงใด หรือปลดปล่อยมหาอิทธิฤทธิ์ที่ต้องสูญเสียผลการฝึกตนมากเท่าไหร่ ผลการฝึกตนของเขาก็จะอยู่ในสภาวะขั้นสูงตลอดเวลา
จีเสวียนคงก็ตะลึงจนเหม่อลอยไปแล้วเช่นกัน จากความสามารถในการสังเกตของเขา เขามองเห็นปัญหาที่อยู่บนตัวหลัวซิวตั้งนานแล้ว ทุกครั้งที่กระตุ้นดาราโบราณมกุฎเทพดวงนั้นเพื่อโจมตี ก็แทบจะทำให้ผลการฝึกตนของเขาลดฮวบไปครึ่งหนึ่งภายในชั่วพริบตาเลย เสี้ยววินาทีที่สูญเสียผลการฝึกตนไป คลื่นพลังเวทย์ของเขาก็จะฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาวะขั้นสูงภายในชั่วพริบตาเดียวอีกครั้ง
นี่มันพลังอมตะอะไรกัน?
ถึงแม้จีเสวียนคงจะมีประสบการณ์และมีความรู้กว้างขวาง ก็รู้สึกตะลึงอย่างยิ่งเช่นกัน หากผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพคนหนึ่งมีพลังอมตะเช่นนี้ละก็ ใต้หล้านี้จักยังมีผู้ใดที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาอีก?
เช่นนั้นก็สามารถใช้ท่าไม้ตายเด็ด ๆ ที่เก็บซ่อนไว้ได้อย่างอุกอาจเลยมิใช่หรือ ไม่ต้องใส่ใจเลยว่าผลการฝึกตนพลังเวทย์ของตัวเองจะสูญเสียเท่าไหร่?
จีเสวียนคงพบว่าความลับที่อยู่บนตัวศิษย์คนนี้ของตนนั้นมีไม่น้อยจริง ๆ
สำหรับหลัวซิว ณ บัดนี้แล้ว พลังอมตะที่ทรงพลังที่สุดของเขาก็คือผังดาวตก และพลังการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขาก็คือกระตุ้นดาราโบราณมกุฎเทพ
เขาเคยอาศัยกระบวนท่าดังกล่าวสังหารมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิคนหนึ่งของตระกูลฉีในโลกะดาราคุนหลุนมาก่อน ปัจจุบันเมื่อเผชิญหน้ากับมกุฎเทพช่วงกลางคนหนึ่ง ถึงแม้จะไม่สามารถทำถึงขั้นสังหารได้อย่างแข็งกร้าว ทว่ากลับสามารถทำให้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างสบาย ๆ แล้ว
อีกฝั่งหนึ่ง จีเสี่ยวจื่อได้จับกุมตัวหงเฟยเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผลการฝึกตนหรือการถ่ายทอดสืบสาน จีเสี่ยวจื่อล้วนอยู่เหนือหงเฟย มาตรแม้นว่ามองในด้านพรสวรรค์ จีเสี่ยวจื่อก็เป็นผู้ที่อยู่ในระดับสตรีผู้ภาคภูมิของสวรรค์แน่นอน
ผลการฝึกตนของหงเฟยถูกนางผนึกไปแล้ว เมื่อนำสายตาจับจ้องไปทางหลัวซิว จีเสี่ยวจื่อก็ผงะอย่างอดไม่ได้เช่นกัน
“ศิษย์พี่เขาเก่งกาจเช่นนี้เลยหรือ?”ปากที่เล็กและอมชมพูนั่นของจีเสี่ยวจื่ออ้าขึ้น สภาพที่ดูตะลึงมากนั่นยิ่งดูน่ารักมากกว่า
“เหอะ ๆ ศิษย์พี่คนนี้ของเจ้านั้นไม่ธรรมดาเชียวนะ”จีเสวียนคงใช้มือลูบหนวดเคราพลางยิ้มพลางพูด
หงเฟยที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ได้พูดอะไร นาง ณ บัดนี้กลายเป็นผู้ที่ถูกคุมขังไปแล้ว สายตามองไปทางภาพเหตุการณ์ที่ท่านฉีปะทะกับหลัวซิว ไม่รู้เพราะเหตุใด ผู้ที่จิตใจนางเป็นห่วงไม่ใช่ท่านฉี กลับเป็นผู้ที่มีนามว่าซิวหลัวนั่น
นี่จึงยิ่งทำให้จิตใจของหงเฟยงุนงงสับสนมากขึ้น ในความทรงจำทั้งหมดที่ข้าสูญเสียไป ตกลงเขาคืออะไรของข้ากันแน่?