“ของขลังจ้าวมหาเทพ?”
เมื่อได้ยินว่าหลัวซิวสามารถเอาชนะท่านฉีที่เป็นมกุฎเทพช่วงกลางได้โดยตรง หลิวเซี่ยหานก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน
แน่นอนอยู่แล้วว่านางก็แค่รู้สึกตะลึงเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับกองกำลังที่ยิ่งใหญ่อย่างสำนักเซียนเทียนหยุน ฝ่ายตรงข้ามบังอาจมาเยือนถึงสำนัก ก็เท่ากับการเดินเข้ามาติดกับดักเอง อย่าว่าแต่ราชาเทพกระจอก ๆ คนหนึ่งเลย ถึงแม้จ้าวมหาเทพมาก็อย่าคิดที่จะจากไปได้อีกเลย
“ถ่ายทอดคำสั่งของข้า……”
ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักน้อยของสำนักเซียนเทียนหยุน จากตัวตนของหลิวเซี่ยหานถึงแม้จะยังไม่มีสิทธิ์สั่งการเหล่าเฒ่าประหลาดระดับจ้าวมหาเทพ แต่ศิษย์ทุกคนในสำนักที่อยู่ต่ำกว่าจ้าวมหาเทพล้วนต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนาง
ไม่นานนัก ก็มีศิษย์นับร้อยรวมตัวกันที่ด้านล่างภูเขาหยุนเซียน ซึ่งผลการฝึกตนที่อ่อนที่สุดของศิษย์เหล่านี้คือราชาเทพ และยิ่งมีอีกสิบกว่าคนที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนมกุฎเทพ
ราชรถคันหนึ่งที่ถูกลากโดยนกฟีนิกซ์สามตัวลอยอยู่กลางนภา ภายใต้กระโจมรถสีแดงฉาน หลิวเซี่ยหานนอนบนเตียงอัญมณีม่วง ข้างซ้ายของนางคือท่านฉีในชุดคลุมยาวดำที่ได้รับบาดเจ็บจนสีหน้าขาวซีดเล็กน้อย ส่วนข้างขวานั้นคือหงเฟยที่สีหน้าดูงงงวยเล็กน้อย
เนื่องจากมูลเหตุเรื่องเศษใจแห่งศุภร หลิวเซี่ยหานไม่ได้แจ้งเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับหลัวซิวให้หอยอดอัมพรทราบ ขอแค่เพียงได้รับเศษใจแห่งศุภรมา ถึงครานั้นค่อยนำตัวหลัวซิวมอบให้ทางหอยอดอัมพร ก็สามารถขายหนี้บุญคุณให้แก่หอยอดอัมพรได้เช่นกัน ไม่ต้องสมรสกันก็สามารถส่งเสริมให้ทั้งสองสำนักใหญ่ร่วมมือกันได้ด้วยดี
หลิวเซี่ยหานหรี่ตาลงเล็กน้อย มีจุดสีดำหนึ่งจุดปรากฏตรงขอบฟ้าที่อยู่ห่างออกไปไกล มันกำลังบินตรงเข้ามาด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ๆ
“โฮกก!”
เสียงตะคอกที่ดังลั่นไปทั่วทั้งท้องฟ้าและปฐพีสะท้อนมา ลำตัวที่ดูดุร้ายของอสูรดูดจิตลอยวนอยู่บนนภาสูง หลัวซิวที่อยู่ในชุดคลุมยาวดำใช้มือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง ยืนตรงด้วยท่าทางที่ทะนงองอาจ
ด้านล่างภูเขาหยุนเซียน ศิษย์นับร้อยปฏิบัติตามคำสั่งโยกย้ายของหลิวเซี่ยหาน ทุกคนล้วนปลดปล่อยออร่าผลการฝึกตนของตัวเองออกมารวมตัวกัน จนประกอบเป็นอำนาจบารมีที่มากมายมหาศาลพลังหนึ่ง
แม้หลัวซิวจะไม่เคยเห็นหน้าหลิวเซี่ยหานมาก่อน แต่เมื่อเห็นสาวชุดแดงที่นอนอยู่บนเตียงอัญมณีม่วงนั่นแล้ว เขาก็ทราบแล้วว่านางก็คือหลิวเซี่ยหาน
จีเสวียนคงนั่งท่าขัดสมาธิอยู่ด้านหลังหลัวซิว ราวกับว่ายังตระหนักรู้กฎเวลาอยู่ในเศษใจแห่งศุภรอยู่ แต่หลัวซิวกลับทราบอยู่ว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องลงมือ อาจารย์ท่านนี้ของตนต้องไม่มีทางนิ่งดูดายแน่นอน
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ เขาจึงหกระเหินเดินฟ้า เดินลงมาจากหัวอสูรดูดจิต มุ่งหน้าเดินตรงไปถึงตำแหน่งที่ห่างจากพวกหลิวเซี่ยหานหลายร้อยเมตร
หลิวเซี่ยหานลืมตาขึ้นมาอย่างขี้เกียจ ก่อนจะโบกมือที่ขาวดุจหยกนั่นแล้วพูดเสียงเบา: “กำราบมัน”
ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ หลิวเซี่ยหานไม่เคยให้ความสำคัญกับนักยุทธ์หนุ่มผู้มาจากโลกามนุษย์คนนี้เลยด้วยซ้ำ
ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามมีความสามารถในการสังหารศิษย์ใจกลางของหอยอดอัมพรอย่างเซียวเฟย หลิวเซี่ยหานก็ไม่คิดว่าคนดังกล่าวจะมีศักยภาพที่สามารถต่อกรกับตัวเองได้
จากการที่สิ้นเสียงหลิวเซี่ยหาน ศิษย์สิบกว่าคนของสำนักเซียนเทียนหยุนก็ลอยตัวขึ้นฟ้า แล้วบุกฆ่าเข้าไปทางหลัวซิว
อายุของศิษย์เหล่านี้ล้วนไม่มาก กาลเวลาที่ฝึกตนก็ไม่เกินหมื่นปี เมื่อมองในมุมภูมิฐานและสถานภาพของมหาโลกาพันสามแล้ว ผู้ที่อายุไขไม่เกินหนึ่งหมื่นปี ล้วนสามารถเรียกได้ว่าเป็นเด็กรุ่นใหม่แล้ว
ในส่วนของผู้ที่มีอายุไม่เกินประมาณสองร้อยอย่างหลัวซิวนั้น โดยทั่วไปแล้วสามารถพูดได้เลยว่าเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น
ที่หลิวเซี่ยหานสั่งการให้ศิษย์ในสำนักลงมือนั้น นางก็อยากดูเช่นกันว่าหลัวซิวใช้วิธีการอะไรสังหารเซียวเฟยกันแน่
อย่างไรเสียเซียวเฟยนั่นก็เป็นศิษย์ใจกลางของหอยอดอัมพร ศักยภาพของตัวเขาน่าจะสามารถต่อกรกับมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิได้ หลัวซิวนี่เพิ่งฝึกตนได้เพียงประมาณสองร้อยกว่าปี เขามีไพ่เด็ดสุดท้ายที่ทรงพลังอะไรกันแน่?
โดยเฉพาะก่อนหน้านี้หลังจากที่ท่านฉีกลับมาแล้ว เขาก็บรรยายเหตุการณ์ที่เขาประมือกับหลัวซิว ผลลัพธ์เช่นนี้ยิ่งทำให้หลิวเซี่ยหานรู้สึกตะลึงเป็นอย่างมาก จากข้อมูลที่นางได้รับมาจากความทรงจำของเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ ความเร็วในการเจริญเติบโตของหลัวซิวผู้นี้รวดเร็วเกินไปหรือเปล่า