มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1844
เฒ่าประหลาดเทียนหยุนเป็นคนอย่างไร? นั่นมันอาจารย์ของสำนักเซียนเทียนหยุนในยุคปัจจุบันเชียวนะ เป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนจ้าวมหาเทพ
ใช้ตัวตนของเฒ่าประหลาดเทียนหยุนเรียกแทนว่าผู้เพื่อนยุทธ์ อีกทั้งยังเป็นชื่อของผู้อาวุโสเสวียนคงด้วย หากเจ้าสำนักเซียนรวมไปถึงเหล่าผู้อาวุโสยังคาดเดาตัวตนของผู้มาเยือนไม่ได้ละก็ เช่นนั้นพวกเขาก็คงจะโง่จริง ๆ แล้วล่ะ!
มหาปรมาจารย์ยาเซียนเพียงหนึ่งเดียวในมหาโลกายอดอัมพร จีเสวียนคง!
“ที่ผู้เพื่อนยุทธ์เสวียนคงลงมือต่อผู้น้อย นี่มันเพราะเหตุใดกันหรือ? หรือว่าลูกหลานในสำนักเซียนเทียนหยุนของข้าทำเรื่องที่รุกรานผู้เพื่อนยุทธ์หรือ?”
เฒ่าประหลาดเทียนหยุนที่อยู่ในชุดคลุมยาวเขียวยิ้มถามพลาง ภายในคำพูดไม่มีความหมายในการซักถามด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียน ยิ่งกว่านั้นคือเขายังดูเกรงอกเกรงใจมากอย่างเห็นได้ชัดด้วย
ตัวตนของมหาปรมาจารย์ยาเซียน ได้ลิขิตไว้แล้วว่าตัวตนของจีเสวียนคงที่อยู่ในมหาโลกายอดอัมพรนั้นพิเศษ เว้นเสียแต่ว่ามีส่วนได้ส่วนเสียกับความถูกผิด โดยทั่วไปแล้วผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพก็มักจะไว้หน้าเขาอยู่บ้าง
จีเสวียนคงเสียงหึอย่างเยือกเย็น “ข้าว่านะเฒ่าประหลาดเทียนหยุน หากมีคนจับกุมตัวพ่อแม่ญาติพี่น้องของเจ้าไป แล้วนำคนเหล่านั้นมาข่มขู่เจ้า เจ้าคิดว่าคนดังกล่าวสมควรตายหรือไม่?”
“ผู้ใดบังอาจเหิมเกริมทำเลวเช่นนี้?”
สีหน้าของเฒ่าประหลาดเทียนหยุนหม่นหมองลงไป เขาจักยังไม่เข้าใจในความหมายของจีเสวียนคงได้อย่างไร? เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามีคนในสำนักเซียนเทียนหยุนที่ไม่รู้จักความเป็นความตาย จับกุมตัวพ่อแม่ญาติพี่น้องของศิษย์จีเสวียนคงนี่ไป อีกทั้งยังข่มขู่เขาด้วย
แต่ทว่าตาแก่จีเสวียนคงนี่รับศิษย์ตั้งแต่เมื่อใด?
ถึงแม้จะมีคำถามในใจ แต่สายตาของเฒ่าประหลาดเทียนหยุนกลับจ้องมองไปทางเจ้าสำนักเซียนพร้อมกับนัยยะสอบถามโดยตรง
จิตใจเจ้าสำนักเซียนสะดุ้ง ก่อนจะรีบเดินขึ้นไป “เรื่องดังกล่าวศิษย์ไม่ทราบนะขอรับ โปรดอาจารย์ลงโทษด้วยขอรับ”
“เจ้าต้องไม่ทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว หากเจ้าทราบเรื่องนี้ละก็ แม้จะมอบความกล้าให้เจ้าอีกร้อยเท่า เจ้าก็ไม่กล้าจับกุมตัวพ่อแม่และญาติพี่น้องของศิษย์ข้าไปหรอก”
จีเสวียนคงสะบัดมือทีหนึ่ง ก็โยนหลิวเซี่ยหานที่ถูกเขากดอัดปิดผนึกไปตรงหน้าอาจารย์เทียนหยุนแล้ว
“แม่นางคนนี้เป็นศิษย์ในสำนักเซียนเทียนหยุนของเจ้าสินะ? อายุไม่มาก แต่ใจคอกลับโหดเหี้ยม กล้าหาญไม่น้อยเลยนี่!”จีเสวียนคงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด เห็นได้ชัดเจนเลยว่าความหมายที่เขาจะสื่อคือพวกเจ้าเอาไปจัดการเองแล้วกัน
เมื่อหลิวเซี่ยหานได้ยินคำพูดเหล่านี้ นางก็รู้สึกเหมือนตกลงไปในบ่อน้ำแข็งหมื่นปีภายในพริบตา หลัวซิวนั่นกลายเป็นศิษย์ของจีเสวียนคงตั้งแต่เมื่อใด? นี่มันจะไปได้อย่างไร?
หลิวเซี่ยหานตกใจจนรู้สึกมึนงงไปหมดแล้วจริง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ สุดท้ายหลัวซิวที่อยู่ในสายตานางก็เป็นเพียงบุคคลเล็ก ๆ ที่มาจากโลกามนุษย์เท่านั้น ถึงแม้จะได้รับโอกาสและโชคที่ไม่เลว จากตัวตนและศักยภาพของตัวเอง การที่จะจัดการเขานั้น สามารถทำได้ง่ายเหมือนบดขยี้มดตัวหนึ่งให้ตายเลย
นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเกิดการพลิกผันที่น่าทึ่งเช่นนี้ บุคคลเล็ก ๆ คนหนึ่งจากโลกามนุษย์กลายเป็นศิษย์ของจีเสวียนคงอย่างนั้นหรือ?
จีเสวียนคงเป็นคนแบบใด? หลิวเซี่ยหานเข้าใจไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ผู้คนที่อยากกราบไหว้เขาเป็นอาจารย์นั้นมีมากดั่งปลาในแม่น้ำ!
ถึงแม้นางจะเป็นเจ้าสำนักน้อยของสำนักเซียนเทียนหยุน แต่ในความเป็นจริงนางไม่มีแม้กระทั่งสิทธิ์ในการเข้าเฝ้าอาจารย์ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าอาจารย์เทียนหยุนไม่รู้จักนางเลยด้วยซ้ำ
สีหน้าของเฒ่าประหลาดเทียนหยุนหม่นหมองลง หากจ้าวมหาเทพในสำนักเซียนเป็นผู้รุกรานจีเสวียนคง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องคุ้มกันชีวิตของคนดังกล่าวไว้ให้ได้ อย่างไรเสียการบ่มเพาะผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในบรรดาศิษย์อัจฉริยะนับร้อยนับพัน สุดท้ายใช่ว่าจะบังเกิดจ้าวมหาเทพคนหนึ่งได้เสมอไป
แต่ถ้าเกิดเป็นศิษย์ที่มีผลการฝึกตนเพียงมกุฎเทพคนหนึ่งละก็ มันไม่ค่อยมีค่าอะไรในสายตาเฒ่าประหลาดเทียนหยุนเลย
มิหนำซ้ำหลิวเซี่ยหานเพิ่งบรรลุถึงแดนมกุฎเทพได้ไม่นาน อยู่เพียงแดนมกุฎเทพขั้น 1 เท่านั้น
ยิ่งกว่านั้นคือเจ้าสำนักเซียนยังไม่ทันได้บอกตัวตนของนางออกมาเลย อาจารย์เทียนหยุนก็ยื่นนิ้วออกมาหนึ่งนิ้ว แล้วกดลงกลางหัวกะโหลกของหลิวเซี่ยหานแล้ว
“อาจารย์……”เจ้าสำนักเซียนอ้าปากค้าง แต่เมื่อเห็นกิริยาท่าทางของอาจารย์ตน เขาก็ทราบแล้วว่าไม่ว่าจะพูดอะไรมันก็สายไปแล้ว
ค้นวิญญาณ!