มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1845
อ๊ากก!
หลิวเซี่ยหานกรีดร้องอย่างน่าเวทนา เพื่อเป็นการสืบให้ชัดเจนว่าตกลงมันเกิดเรื่องอะไรกันแน่ถึงได้รกชุกรานจีเสวียนคง เฒ่าประหลาดเทียนหยุนถึงกับใช้วิชาค้นวิญญาณต่อนางโดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
การที่ถูกผู้อื่นค้นวิญญาณนั้น มันเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง เมื่อเห็นหลิวเซี่ยหานตาเหลือกรัว ๆ ร่างกายก็ชักกระตุก จิตใจของหลัวซิวไม่ได้รู้สึกทนดูไม่ได้แต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกสะใจมาก
เนื่องจากเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าการที่หลิวเซี่ยหานทราบข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเองนั้น นางก็ต้องเคยค้นวิญญาณของพวกเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่อย่างแน่นอน!
หลิวเซี่ยหานนี่สมควรตาย! ต่อให้ตายจากไปโดยที่เจ็บปวดและทรมานมากกว่านี้เป็นร้อยเท่าพันเท่า หลัวซิวก็จะไม่รู้สึกสงสารนางเลย
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หลิวเซี่ยหานก็สูญเสียสภาพที่ดูสุภาพและสง่าล้ำเลิศไปแล้ว ทรุดลงไปกับพื้นเหมือนโคลน น้ำลายฟูมปากและชักกระตุกอย่างไม่หยุดหย่อน
วิธีการเช่นนี้แตกต่างจากการค้นวิญญาณแบบอ่อนโยน วิธีการของเฒ่าประหลาดเทียนหยุนนั้นเผด็จการมาก ๆ ใช้อำนาจค้นหาความทรงจำอย่างหมดเปลือก สิ่งที่ควรทราบก็ทราบหมดแล้ว สิ่งที่ไม่ควรทราบเขาก็ทราบแล้วเช่นกัน
เศษใจแห่งศุภร!
รูม่านตาของเฒ่าประหลาดเทียนหยุนหดลง ถึงแม้เขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานในแดนจักรพรรดิเทพแล้ว แต่ทว่าเขาก็ยังคงใฝ่หากฎเวลาที่ล้ำค่าสูงส่งและลึกลับในตำนานอยู่
อยู่ในแดนจักรพรรดิเทพเหมือนกัน ก็มีการแบ่งระดับความสูงต่ำของศักยภาพเช่นกัน การที่จักรพรรดิเทพคนหนึ่งยึดกุมกฎเวลานั้น คนดังกล่าวต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์อย่างแน่นอน
เขามองจีเสวียนคงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามรอบหนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วลง หรือว่าเศษใจแห่งศุภรนั่นตกอยู่ในกำมือของจีเสวียนคงแล้ว?
เฒ่าประหลาดเทียนหยุนรู้สึกว่าการคาดเดานี้ของตัวเอง มีโอกาสเป็นไปได้แปดถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เลย
“ข้าทราบเรื่องนี้แล้ว”
ไม่ได้ชายตาลงไปมองหลิวเซี่ยหานที่เป็นลมหมดสติไปแล้วนั่นเลย เฒ่าประหลาดเทียนหยุนยื่นมือออกไปเอาแหวนเก็บของที่อยู่บนนิ้วของหลิวเซี่ยหานลงมา แล้วหยิบลูกแก้วแดนปริศนาออกมาจากภายในหนึ่งลูก
พื้นที่ภายในลูกแก้วแดนปริศนาเป็นพื้นที่ปรากฏขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ผู้คนในสำนักไท่เสวียนล้วนถูกปิดผนึกอยู่ภายใน เท่านี้ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าครั้นเมื่อหลิวเซี่ยหานจุติลงไปยังโลกามนุษย์ นางได้ทำการโยกย้ายสำนักเขาของทั้งสำนักไท่เสวียนมา
“เหอะ ๆ ผู้เพื่อนยุทธ์เสวียนคง ยินดีด้วยนะ”เฒ่าประหลาดเทียนหยุนยื่นลูกแก้วแดนปริศนามา พลางยิ้มตาหยรพลางพูด
ยินดีด้วย?
ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุล้วนไม่เข้าใจความหมายของเฒ่าประหลาดเทียนหยุน มาตรแม้นว่าเป็นหลัวซิวเองก็คาดเดานัยยะแฝงของคำพูดดังกล่าวไม่ได้เช่นกัน
แต่ทว่าจีเสวียนคงกลับเข้าใจแล้ว
เขาบอกใบ้ให้หลัวซิวไปเอาลูกแก้วแดนปริศนามา หัวเราะเบา ๆ แล้วพูด: “การตระหนักรู้ช่างยากมากเสียจริง”
ทั้งสองไม่ได้พูดถึงคำว่ากฎเวลาเลย แต่ทั้งสองฝ่ายต่างสามารถฟังความหมายของฝ่ายตรงข้ามออก
จีเสวียนคงไม่ได้โกหกแต่อย่างใด การตระหนักรู้ในกฎเวลานั้นมันเป็นอะไรที่ยากมากจริง ๆ ไม่ใช่ว่าผลการฝึกตนสูงแล้วจะสามารถตระหนักรู้ได้ง่าย ๆ แต่ต้องการความสามารถในการตระหนักรู้ พรสวรรค์ รวมไปถึงโอกาสโชคและจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สูงมาก ๆ
และสาเหตุที่ต่อบทสนทนาของเฒ่าประหลาดเทียนหยุนนั้น ในความเป็นจริงจีเสวียนคงก็กำลังปกป้องหลัวซิวอยู่เช่นกัน หากปล่อยให้ผู้อื่นทราบว่าเศษใจแห่งศุภรอยู่ในกำมือเขา ผู้ที่บังอาจคิดอะไรไม่ดีไม่ร้ายต้องมีไม่มากแน่นอน แต่ถ้าเกิดมันอยู่ในกำมือของหลัวซิวที่เป็นผู้น้อยคนหนึ่งละก็ เกรงว่าคงจะมีเฒ่าประหลาดจำนวนไม่น้อยออกโรงไปแย่งมาอย่างหน้าด้านไร้ยางอายแน่นอน
เฒ่าประหลาดเทียนหยุนหัวเราะเหอะ ๆ และไม่ได้พูดอะไรอีก เขายืนยันแล้วว่าเศษใจแห่งศุภรอยู่ในกำมือของจีเสวียนคง
กำลูกแก้วแดนปริศนาไว้ในมือ หลัวซิวถอนหายใจเฮือกยาว ใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจรอบหนึ่ง ก่อนที่จะทำให้สีหน้าของเขาหม่นหมองลงไปภายในเสี้ยววินาที เนื่องจากเขาพบว่าสถานการณ์ของเหล่าผู้คนในสำนักไท่เสวียนย่ำแย่มาก คนจำนวนมากต่างบาดเจ็บสาหัส เห็นได้ชัดเจนเลยว่าในช่วงเวลาที่พวกเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของหลิวเซี่ยหาน ต่างทุกข์ยากลำบากไม่น้อยเลย
มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังถือว่าน่าปิติยินดีอยู่ นั่นก็คือพ่อแม่และพี่สาวของเขายังปลอดภัยดี อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น หลิวเซี่ยหานยังไม่ถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือต่อพวกเขาที่เป็นมนุษย์ทั่วไป