ในฐานะศิษย์สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของหอยอดอัมพร ด้วยสถานะของหยุนเทียนหยูคิดจะเอาสตรีนางหนึ่งมาจากมือของสำนักไท่หมิงนั้นมันเป็นเรื่องง่ายมาก
“นางได้หลบหนีไปเมื่อหลายวันก่อนแล้ว……” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางไม่ค่อยสู้ดีนัก
“หนีไปแล้ว?”
หยุนเทียนหยูขมวดคิ้วเล็กน้อย “จากที่ข้ารู้มา เหมือนว่าผลการฝึกตนของสตรีนางนั้นก็ไม่ได้สูงนักนี่?”
“มิกล้าโกหกท่านชายหยุน เดิมทีผลการฝึกตนของนางไม่ได้สูงนัก แต่เพื่อศึกษาความมหัศจรรย์ของรางสองชาติ สำนักไท่หมิงจึงได้ใช้ทรัพยากรมากมายเพื่อให้ผลการฝึกตนของนางบรรลุถึงแดนราชาเทพ”
ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างงขมขื่น ความรู้สึกเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเป็ดที่ถูกย่างจนสุกอย่างยากลำบาก ได้บินหนีไปอย่างกะทันหัน
ในตอนนี้เอง หยุนเทียนหยูก็ได้หยิบเอาม้วนหยกสีทองอันหนึ่งออกมา เห็นเพียงม้วนหยกได้กะพริบส่องแสง มีใครบางคนได้ส่งสารมาให้เขา
ใช้ตัวสำนึกตรวจสอบ สารที่อยู่ภายในม้วนหยกก็ได้ถูกส่งเข้าไปยังตัวหยั่งรู้ หยุนเทียนหยูขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที
“มีคนเอาชนะข้าได้ในอันดับราชาเทพอย่างนั้นหรือ?” หยุนเทียนหยูหรี่ตาลงเล็กน้อย ดูเหมือนจะสงบ ทว่าภายในใจกลับเหมือนดั่งถูกคลื่นโหมกระหน่ำ
ความยากของเส้นทางดารานั้นสูงมาก ยิ่งถึงด้านหลัง ก็ยิ่งอยู่เหนือความคาดหมายของผู้คน นั่งอยู่บนบัลลังก์อัจฉริยะอันดับหนึ่งมาโดยตลอด บวกกับฐานะศิษย์สืบทอดเพียงคนเดียวของหอยอดอัมพร หยุนเทียนหยูไม่อาจยอมให้คนอื่นอยู่เหนือเขาได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าข้อมูลที่เขาได้รับจะบอกว่าหลังจากที่ชื่อของคนผู้นั้นเอาชนะตนเองไปได้ก็ได้หายไป สงสัยว่าได้สิ้นชีพไปเสียแล้ว แต่สัญชาตญาณของหยุนเทียนหยูกลับบอกเขาว่า คนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ และสิ่งที่เป็นไปที่สุดนั้นก็คือเขาได้ทำลายป้ายประจำตัวไป!
จุดประสงค์ที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการปิดบังฐานะของตนเอง ทว่าสำหรับหยุนเทียนหยูแล้ว การกระทำเช่นนี้ของคนผู้นั้น เท้ากับเป็นการตบหน้าเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!
เอาชนะตนเอง แต่กลับไม่ปรากฏตัว ยิ่งทำให้หยุนเทียนหยูอยากที่จะยอมรับได้
“ไปสืบมา จะต้องสืบให้ได้ว่าซิวหลัวผู้นี้เป็นใครกันแน่!” ในดวงตาของหยุนเทียนหยูราวกับว่ากำลังมีไฟลุกโชน
……
“ถึงขีดจำกัดแล้ว”
ในเส้นทางดารา หลัวซิวมองไปยังด้านหน้า และยังคงไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางดาราได้
ตอนนี้เขาอยู่ในลมพายุแห่งกฎที่พัดโหมกระหน่ำ กระทั่งที่ว่าในนี้ยังรวบรวมไปด้วยการโจมตีของกฎเป็นตายเวลาและปริภูมิทั้งสี่กฎใหญ่ แม้ว่าเขาจะมีร่างอมตะ ก็ยากที่จะทนรับต่อไปได้
ในลมพายุกฎ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพช่วงกลางก็ยังไม่อาจทนรับได้ แต่เขากลับสามารถทนมาจนถึงตอนนี้ ก็เพราะอาศัยการรักษาอันยอดเยี่ยมของร่างอมตะ
“รอผลการฝึกตนของข้าบรรลุถึงแดนราชาเทพ บางทีข้าอาจจะเดินไปจนถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางดาราสายนี้ได้”
ตลอดทางที่เดินมา หลัวซิวก็พอจะเข้าใจและคาดเดาอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเส้นทางดาราได้บ้าง
ความอยากของการทะลวงด่านในเส้นทางดารานั้น ตัดสินจากระดับผลการฝึกตนของจอมยุทธ์เอง เงื่อนไขอย่างน้อยคือต้องมีผลการฝึกตนหรือความสามารถในระดับราชาเทพ เมื่อผลการฝึกตนเพิ่มขึ้นไปในระดับใหญ่ระดับหนึ่ง ความยากก็จะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน!
นอกจากนี้แล้วหลัวซิวเดาว่า ราชาเทพเดินไปจนถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางดารานั้น มีความหมายแตกต่างกันกับมกุฎเทพจ้าวมหาเทพเดินไปถึงจุดสิ้นสุดอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่าในนี้มีความแตกต่างกันยังไง หรือแท้ที่จริงแล้วในจุดสิ้นสุดของเส้นทางดารานั้นมีอะไรอยู่กันแน่ กลับไม่ใช่สิ่งที่หลัวซิวสามารถคาดเดาได้ แต่ที่ไม่ต้องสงสัยเลยก็คือ เขาสามารถรับรู้ได้ว่า หากสามารถเดินไปถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางดาราได้ จะต้องได้รับโอกาสและวาสนาอันยิ่งใหญ่เป็นแน่!
“ออกไปเถอะ”
หลัวซิวไม่ได้ทะลวงด่านต่อไป วินาทีที่เขาเพิ่งจะพูดจบลง น้ำเสียงของเขาก็เลือนรางไปในทันที จากนั้นก็ได้หายไปจากเส้นทางดารา
ห้างเวลาที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนไป หลัวซิวได้ปรากฏตัวขึ้นที่ปากทางเข้าเส้นทางดารา และได้เห็นผู้คนมากมายที่อยู่บนลานกว้าง
“เหตุใดถึงมีคนเยอะเช่นนี้เล่า?” หลัวซิวตกตะลึง เขาจำได้ว่าตอนที่ตนเข้าไปในเส้นทางดารา ไม่ได้มีคนมากมายเช่นนี้