“หากนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ”
จีเสวียนคงยื่นมือออกไปหยิบเอาหอกยุทธ์มังกรดำขึ้นมา “อาวุธที่มีจิตภัณฑ์นั้นหาได้ไม่ง่ายนัก นอกจากนี้แล้วยังเป็นศัสตราวุธพรสวรรค์ที่สามารถวิวัฒนาการได้ น่าเสียดายที่ระดับในการวิวัฒนาการนั้นค่อนข้างต่ำ ไม่สามารถที่จะทัดเทียมกับความสามารถของเจ้าได้”
สำหรับปัญหาเหล่านี้ของหลัวซิว ด้วยสายตาของจีเสวียนคง เป็นธรรมดาที่จะมองออกได้ภายในพริบตา
“ข้าสามารถช่วยเจ้าใช้วัสดุบางอย่างหลอมให้หอกยุทธ์เล่มนี้ของเจ้าเพิ่มระดับเป็นศัสตราวุธราชา ในอนาคตหากเจ้าต้องการใช้อาวุธนี้เป็นศัสตราวุธมรรคผล เจ้าก็จำเป็นจะต้องไปฝึกเซ่นเอง”
ในระหว่างที่กล่าวนั้น จีเสวียนคงก็ได้เอาหอกยุทธ์มังกรดำด้วย แม้ว่าเขาจะเป็นมหาปรมาจารย์ยาเซียน แต่มาตรฐานในด้านหลอมอาวุธนั้นก็ไม่ได้ต่ำเช่นเดียวกัน อย่างน้อยหลอมศัสตราวุธราชาชิ้นหนึ่งก็เป็นเรื่องง่ายเพียงนิดเดียวเท่านั้น
นับตั้งแต่ที่แดนในการกลั่นยาได้บรรลุถึงระดับปรมาจารย์ ยาเซียนที่หลัวซิวได้กลั่นออกมานั้น ฤทธิ์ของยาได้เพิ่มสูงขึ้นมาจากเมื่อก่อนไม่ทำกว่าสองเท่า
ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของมหาปรมาจารย์ยาเซียน หลัวซิวกลั่นยาโดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องยาเซียนเลยสักนิด ด้วยทรัพย์สินที่อุดมสมบูรณ์ของจีเสวียนคง เพียงแทะออกมาจากร่องฟันเพียงนิดเดียว ก็เป็นทรัพย์สมบัติที่ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงแล้ว
เพื่อให้การเดินทางไปแดนเทวนิรันกาลในครั้งนี้เป็นไปได้อย่างราบรื่น หลัวซิวได้กลั่นยาเซียนระดับเก้าออกมาจำนวนมาก และวางแผนไว้ว่าก่อนที่จะเข้าไปในแดนเทวนิรันกาล ต้องเพิ่มระดับผลการฝึกตนของตนเองให้ถึงแดนเทพฟ้าขั้นเจ็ด
ขั้นหกถึงขั้นเจ็ด เป็นสันปันน้ำแห่งหนึ่ง ตามที่เคยปฏิบัติมา เมื่อบรรลุได้สำเร็จก็จะต้องได้รับการณ์ลงทัณฑ์จากทัณฑ์สายฟ้า
บนลานกว้างที่ปากทางเข้าเส้นทางดารา ทันทีที่ทัณฑ์สายฟ้าปรากฏขึ้น จะต้องเป็นที่ดึงดูดความสนใจของใครหลายคนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพพวกนั้น แต่ละคนต่างมีสายตาแหลมคม ถึงกระทั่งที่ว่าอาจมองทะลุถึงความลับและเลศนัยเกี่ยวกับสถานะของเขาออกก็เป็นได้
ดังนั้นหลัวซิวเลยได้ออกมาจากลานห้วงดารา และมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของดวงดาวที่ไร้ซึ่งผู้คน เพื่อหาสถานที่สำหรับทะลวงด่าน
ที่นี่เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยหินอุกกาบาตอันรกร้าง ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอยู่เลย นอกจากนี้พลังจิตในดวงดาวยังแห้งขอด ปกติแล้วน้อยมากที่จะมีคนมาที่นี่
หลัวซิวเลือกที่จะเพิ่มระดับผลการฝึกตนของตนเองให้ถึงแดนเทพฟ้าขั้นเจ็ดภายในรวดเดียวอยู่ในที่แห่งนี้ ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธเอาก็ได้ฟาดผ่าลงมา ภาพเหตุการณ์ตระการตา ทับถมพื้นที่รัศมีหลายหมื่นลี้ที่มีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง
ทว่าดาราจักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาลจนเกินไป ต่อให้เป็นพื้นที่ในรัศมีหลายหมื่นลี้ก็ไม่คู่ควรแก่การพูดถึงในดาราจักรวาล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลานทางเข้าเส้นทางดาราที่อยู่ไกลแสนไกล ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพก็ไม่อาจรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในที่นี้ได้
อานุภาพของทัณฑ์สายฟ้าพิโรธเพียงพอที่จะเอาชีวิตของมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิ ทัดเทียมได้กับมหาทัณฑ์เมื่อบรรลุแดนมกุฎเทพ
ทว่าทัณฑ์สายฟ้าในระดับนี้นั้นสำหรับหลัวซิวแล้วกลับไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ ได้เลย แม้กระทั่งว่าพลังงานมหาศาลที่ปะปนอยู่ในทัณฑ์สายฟ้าพิโรธยังถูกเขากลั่นแปรดูดซับ แดนของร่างยุทธ์ร่างเนื้อก็ได้เพิ่มขึ้นตามมาด้วย
หลัวซิวบรรลุถึงแดนเทพฟ้าขั้นเจ็ด และบ่งชี้ว่ากฎดาราดวงที่สิบหกของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าขั้นที่สองของหลัวซิวได้ถูกเปิดออกแล้ว ยังขาดกฎดาราเพียงแค่อีกสองดวงสุดท้าย ก็จะบรรลุถึงแดนบริบูรณ์
ขั้นที่สองของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้า กฎดาราทั้งสิบหกดวงนี้สอดคล้องกับกฎเป็นตายเวลาและปริภูมิทั้งสี่กฎใหญ่อย่างละสี่ดวง
จากการอนุมานของหลัวซิวกฎดาราอีกสองดวงสุดท้าย ที่ต้องผนึกรวมนั้นไม่ใช่มีแค่กฎเพียงชนิดเดียว แต่แบ่งเป็นกฎการเวียนว่ายตายเกิดและกฎห้วงเวลา
ในขณะเดียวกัน เมื่อผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนเทพฟ้าขั้นเจ็ด หลัวซิวก็ได้อาศัยยาเซียนระดับเก้าเพื่อเปิดจุดปราณร่างเนื้ออีกครั้ง สิบแปดจุดลมปราณที่แขนซ้าย ได้เปิดถึงจุดที่สิบสอง
“จากความสามารถของข้าในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ดาราโบราณมกุฎเทพ ก็น่าจะเผชิญหน้าโดยตรงกับมกุฎเทพขั้นหนึ่งได้แล้ว”
ระหว่างทางที่เดินทางกลับลานเส้นทางดารา หลัวซิวได้แอบคำนวณความสามารถในตอนนี้ของตนเอง