มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 1863

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1863

แม้ว่าผลงานการทะลวงด่านในเส้นทางดารา เขาได้เอาชนะหยุนเทียนหยูและบรรดาอัจฉริยะจากมหาโลกายอดอัมพร

แต่ความจริงแล้วหลัวซิวรู้ถึงความสามารถของตนเองดี ไม่แน่ว่าจะสามารถเทียบกับคนพวกนั้นได้

จากความเข้าใจของเขา เมื่อก่อนหยุนเทียนหยูถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของมหาโลกายอดอัมพร ไม่ได้มีเพียงแค่ชื่ออย่างแน่นอน แม้ว่าจะยังไม่ถึงขนาดไร้คู่ต่อสู้ในแดนเดียวกัน แต่อย่างน้อยก็มีพลังการต่อสู้อยู่ในระดับเจ้ายุทธ์ในแดนเดียวกัน

ไร้คู่ต่อสู้ในแดนเดียวกันนั้นเรียกว่าจักรพรรดิ มีความสามารถในการต่อสู้ข้ามระดับที่เหนือกว่าตนเองในหนึ่งแดนใหญ่ ถูกขนานนามว่าเจ้ายุทธ์ในแดนเดียวกัน ไม่มีปัญหาอะไรที่จะต่อสู้ข้ามระดับในหกเจ็ดแดนเล็ก

เช่นนี้ก็หมายความว่า ด้วยผลการฝึกตนในระดับกึ่งมกุฎเทพของหยุนเทียนหยู พลังการต่อสู้ที่แท้จริงของเขา ต้องสามารถต่อกรกับผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพช่วงกลางได้อย่างแน่นอน

ดังนั้นในด้านผลการฝึกตน ยังคงเป็นข้าบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของหลัวซิว

ทันใดนั้นเอง ตัวสำนึกของหลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ในตอนที่เหาะผ่านดวงดาวรกร้างแห่งหนึ่ง บนดวงดาวที่อยู่ด้านล่างดวงนี้ เขาได้สัมผัสถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยกลุ่มหนึ่ง

เขากวาดตัวสำนึกออกไปอย่างรวดเร็ว กลับเพียงแค่สัมผัสได้ถึงเงาร่างหลายสายที่แวบผ่านไปอย่างรวดเร็ว และหายไปอย่างไร้ร่องรอย

แม้ว่าจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่สีหน้าของหลัวซิวกลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะกลิ่นอายกลุ่มก้อนหนึ่งที่เขาสัมผัสได้นั้น เป็นหงเฟยนั่นเอง!

“นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

เงาร่างของหลัวซิวได้เหาะลงไปบนดวงดาวดวงนั้น กระจายตัวสำนึกออกไป ไม่นานก็หยุดลงตรงจุดที่คนกลุ่มนั้นหายไปในเมื่อสักครู่

เมื่อหลัวซิวได้มาถึงสถานที่แห่งนี้ เขาพบว่าที่นี่มีค่ายกลอยู่ บดบังรัศมีพลัง ต่อให้เป็นความแข็งแกร่งของตัวสำนึกของเขาในตอนนี้ ก็ไม่สามารถที่จะทะลุผ่านค่ายกลเข้าไปได้

ค่ายกลนี้ไม่กักกันผู้ที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ แต่ถ้าหากเข้าไปแล้วอยากออกมาละก็ ก็จะถูกกักกันจากค่ายกล คล้ายกับประสิทธิภาพของค่ายยากเย็น

“ค่ายกลระดับมกุฎ”

ไม่นานนักก็มองระดับของค่ายกลนี้ออก แม้ว่าระดับค่ายกลของเขาในตอนนี้ยังไม่บรรลุถึงระดับมกุฎ แต่จากความเข้าใจที่เขามีต่อค่ายกล บวกกับความสามารถที่เหนือกว่าผลการฝึกตนของเขา หากต้องการทำลายค่ายกลแห่งนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

นอกจากนี้แล้วมีค่ายกลระดับมกุฎปรากฏขึ้นที่ดวงดาวที่รกร้างแห่งนี้ เดิมทีมันก็แปลกอยู่แล้ว เลยทำให้หลัวซิวเป็นห่วงความปลอดภัยของหงเฟยขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่แม้แต่ลังเล และบุกเข้าไปในทันที

เพิ่งจะเข้าปริภูมิในค่ายกลไป หลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้น ดังนั้นเขาถึงได้ใส่หน้าปลอมหลัวซิวในทันที สีหน้าเคร่งขรึมเป็นพิเศษ

“ค่ายสังเวยเลือด!”

ตอนที่อยู่ด้านนอกในเมื่อสักครู่ เขาคิดว่านี่เป็นเพียงค่ายกลระดับมกุฎที่แสนธรรมดาเท่านั้น แต่หลังจากที่ได้เข้ามาแล้ว หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะหัวใจสั่นสะเทือน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นค่ายสังเวยเลือดที่ชาวร้าย!

ค่ายสังเวยเลือดประเภทนี้ จะใช้สิ่งมีชีวิตที่เข้าไปในค่ายกลเพื่อสังเวยเลือด ใช้เลือดของสิ่งมีชีวิตเป็นตัวนำ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ชั่วร้ายบางอย่าง

“อ๊ากกกก!……”

ทันใดนั้นเอง เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดโหยหวนก็ได้ดังลอยมา หลัวซิวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ปีกเทพไร้มลทินกางออกมาที่ด้านหลัง และพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงสุด

จริงอย่างที่คิด!

ที่จุดกึ่งกลางของค่ายกลนี้ มีแท่นบูชาแห่งหนึ่งตั้งอยู่ มีเสาหินหนาใหญ่เก้าต้นตั้งอยู่บนแท่นบูชา บนเสาหินแต่ละต้น วนล้อมไปด้วยกลุ่มควันสีดำ เป็นเหมือนดั่งโซ่ ผูกรัดเงาร่างของคนผู้หนึ่งเอาไว้

หลัวซิวกวาดตัวสำนึกเข้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ได้พบเข้ากับหงเฟย ถูกโซ่ควันสีดำรัดเขาไว้กับเสาหิน!

“หือ? มีคนเข้ามาอีกหรือ มีแก่นแท้ชีวีที่เข้มข้นมากจริง ๆ!”

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท