“ช่างเป็นความรักที่โง่เขลายิ่งนัก ถ้าหากคนที่หนีออกไปเมื่อสักครู่เป็นเจ้า ข้าไม่มีทางที่จะขวางเจ้าเอาไว้ได้แน่ แต่เจ้าได้สูญเสียโอกาสครั้งหนึ่งไปแล้ว ข้าจะไม่ให้เจ้ามีโอกาสหลบหนีเป็นครั้งที่สอง”
สตรีชุดดำนางนั้นจ้องมองหลัวซิวด้วยใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน ที่ด้านหลังของนาง มีเถาวัลย์สีดำเต้นระบำอยู่นับไม่ถ้วน ราวกับปีศาจกระหายเลือด
“เจ้าไม่ใช่มนุษย์ ย่อมไม่เข้าใจความรักของมนุษย์อยู่แล้ว” หลัวซิวสีหน้าไร้ความรู้สึก เขามองออกแล้วว่า สตรีชุดดำนางนี้ไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เป็นเผ่าพันธุ์มาร ร่างจริงของนาง น่าจะเป็นเถาปีศาจโลหิตมารกระหาย
นอกจากนี้แล้วเถาปีศาจโลหิตมารกระหายยังมีความสามารถในการแยกร่างได้ สามารถสร้างร่างอวตารขึ้นมา แต่เมื่อร่างอวตารถูกทำลาย ร่างจริงก็จะพลอยได้รับบาดเจ็บไปด้วย
“ข้าไม่จำเป็นต้องไปเข้าใจ แค่หลอกใช้ความรู้สึกของมนุษย์อย่างพวกกเจ้าก็เพียงพอแล้ว” สตรีชุดดำมีสีหน้าเยาะเย้ยออกมา ก็เพราะได้หลอกใช้ความรู้สึกที่หลัวซิวมีต่อเหยียนเยว่เอ๋อร์ ดังนั้นหลัวซิวที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ถึงได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของตน
“หากเจ้าคิดที่อยากได้ชิ้นส่วนศุภรในมือของข้าไปเกรงว่าเจ้าคงต้องผิดหวังแล้ว เพราะชิ้นส่วนศุภรนั้นไม่ได้อยู่ในมือของข้า” หลัวซิวพลันกล่าวขึ้นมา
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” สตรีชุดดำสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที “หรือว่าจะอยู่ในมือของจีเสวียนคง?”
ตัดสถานะมหาปรมาจารย์ยาเซียนออกไป แม้ว่าในบรรดาแข็งแกร่งจักรพรรดิเทพมากมายฝีมือของจีเสวียนคงจะไม่ได้อยู่ในระดับสูงที่สุด แต่จะมองข้ามเขาไปไม่ได้อย่างแน่นอน จักรพรรดิเทพทุกคนต่างก็มีฝีมือ ไม่เช่นนั้นละก็ก็คงไม่สามารถเดินสู่จุดสูงสุดได้ท่ามกลางสิ่งมีชีวิตมากมายไร้ขอบเขตของทั่วทั้งจักรวาล
ถ้าหากชิ้นส่วนศุภรตกอยู่ในมือของจีเสวียนคงแล้วจริง ๆ เช่นนั้นหากนางต้องการแช่งชิงชิ้นส่วนศุภรมามันเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
สีหน้าของสตรีชุดดำเปลี่ยนไปในทันที นางนึกถึงหงเฟยที่หนีออกไปในเมื่อสักครู่ ถ้าหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงละก็ หงเฟยจะต้องได้เดินทางไปหาจีเสวียนคงแล้วแน่
ไม่ต้องพูดถึงว่าความสามารถในตอนนี้ของนางไม่ได้อยู่ในช่วงสูงสุด ต่อให้ฟื้นฟูถึงระดับสูงสุดแล้ว ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิเทพอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงว่ายากนักที่ตนจะชิงเอาชิ้นส่วนศุภรมาได้ สตรีชุดดำก็รู้สึกเคียดแค้นหลัวซิวขึ้นมาในทันที
เพื่อที่จะแย่งเอาชิงชิ้นส่วนศุภรมา นางวางแผนอยู่นานหลายปี สุดท้ายแล้วกลับได้มาเพียงความว่างเปล่า แล้วจะให้นางยอมได้อย่างไรกันเล่า?
“เจ้าไปตายเสียเถอะ!”
รัศมีพลังอันแรงกล้าได้ผนึกปริภูมิที่อยู่โดยรอบเอาไว้ แม้ว่าหลัวซิวจะควบคุมกฎปริภูมิ ก็ไม่สามารถทำลายพันธนาการนี้เพื่อหลบหนีออกไปได้ เพราะกระแสพลังที่สตรีชุดดำได้ระเบิดออกมาในตอนนี้ แทบจะทัดเทียมได้กับผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเทพช่วงปลาย
ทันทีทันใด ไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้จู่โจมเข้าสู่ตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว ในขณะเดียวกันนั้น เถาวัลย์นับสิบเส้นก็ได้แทงทะลุผ่านร่างกายของเขาไป กลืนกินแก่นแท้ชีวีภายในร่างกายของเขา
หากเป็นคนอื่นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ จะต้องสิ้นลมหายใจไปในทันทีอย่างแน่นอน ทว่าหลัวซิวกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าเขามีร่างอมตะ
“พลังแก่นแท้ชีวีช่างเข้มข้นจริง ๆ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพขั้นสูงสุดก็ยังมีพลังแก่นแท้ชีวีที่ไม่แรงกล้าเท่ากับเจ้าเลย อยากที่จะจินตนาการได้จริง ๆ ว่าเจ้าฝึกตนเช่นไรกันแน่ เจ้าสามารถควบคุมกฎเวลาได้ คงได้เรียนรู้มาจากชิ้นส่วนศุภรสินะ? ช่างเป็นพรสวรรค์ที่เหนือมนุษย์จริง ๆ”
สีหน้าท่าทางของสตรีชุดดำนั้นเย็นชายิ่งนัก มีพรสวรรค์ที่เหนือมนุษย์แล้วอย่างไร สุดท้ายก็ต้องตายในเงื้อมมือของนางอยู่ดี
“วัฏจักร!”
ในตอนนี้เอง หลัวซิวพลันอ้าปากขึ้น และกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
เห็นเพียงว่าตรงกลางระหว่างคิ้วของเขาได้ฉีกเปิดออก ตำหนักทองเหลืองเก่าแก่ที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายเสวียนหวงได้ลอยออกมาจากด้านใน วินาทีที่ตำหนักนี้ลอยออกมา ห้วงเวลาราวกับได้หยุดชะงักไป
“นี่มันอะไรกัน!?” สตรีชุดดำสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ตำหนักทองเหลืองเก่าแก่นั้นแฝงไปด้วยกลิ่นอายของกาลเวลาอันยาวนาน ของขลังที่ร้ายกาจเช่นนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่จอมยุทธ์เทพฟ้าคนหนึ่งจะสามารถขับเคลื่อนได้?