พื้นที่ของสนามจัตุรัสเส้นทางดารากว้างใหญ่มาก ๆ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ก็มีครบครัน เทียบเท่าคูเมืองขนาดใหญ่ที่ไม่มีกำแพงเมืองแห่งหนึ่ง
ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ จีเสี่ยวจื่อรู้สึกกังวลเล็กน้อยมาโดยตลอด เนื่องจากไม่ทราบว่าศิษย์พี่หลัวไปที่ใดแล้ว ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ท่านปู่นางก็ไม่กลับมาเช่นกัน
เดิมทีใกล้จะถึงช่วงเวลาที่แดนเทวนิรันกาลเปิดออกแล้ว แต่ดูเหมือนกับว่าช่วงนี้จะเกิดเหตุสุดวิสัยบางอย่าง จึงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับแดนเทวนิรันกาล แดนศักดิ์สิทธิ์สำนักจักรพรรดิต่าง ๆ จากมหาโลกาพันสามล้วนไม่กล้าส่งคนเข้าไปภายในอย่างบุ่มบ่าม
ปัจจุบันผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพจากมหาโลกาต่าง ๆ ได้มุ่งหน้าไปสำรวจสถานการณ์ในละแวกแดนเทวนิรันกาลแล้ว ดังนั้นทุกคนที่อยู่ในสนามจัตุรัสเส้นทางดาราจึงทำได้เพียงรอคอยอย่างเดียว
“อาจารย์เสวียนคงอยู่หรือไม่?”
ทันใดนั้นเอง จีเสี่ยวจื่อก็ได้ยินเสียงที่ร้อนรนเสียงหนึ่งดังมาจากข้างนอก
หลังจากเปิดประตูออกแล้ว จีเสี่ยวจื่อก็พบว่ามีผู้บำเพ็ญเซียนหญิงที่งดงามมากจนเกินคำบรรยายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตู อีกทั้งนางก็ไม่รู้สึกแปลกหน้าผู้บำเพ็ญเซียนหญิงที่อยู่ตรงหน้าเช่นกัน เนื่องจากนางคือหงเฟย
“เจ้ามาหาศิษย์พี่หลัวหรือ?”จีเสี่ยวจื่อขมวดคิ้วที่งดงามคู่นั้นลงไปเล็กน้อย
พูดตามตรงเลยว่าจีเสี่ยวจื่อรู้สึกไม่ค่อยชอบหงเฟย เนื่องจากศิษย์พี่หลัวเป็นผู้ที่สมบูรณ์แบบมากเพียงนั้น ทำทุกวิถีทางอย่างลำบากถึงจะตามหาตัวนางเจอ ทว่าไม่นึกเลยว่าให้ตายอย่างไรนางก็ไม่ยอมยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง
ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ จีเสี่ยวจื่อมักจะเห็นศิษย์พี่เหม่อลอยพร้อมกับใบหน้าที่โศกเศร้าอยู่คนเดียวบ่อย ๆ ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ นางก็จะรู้สึกว่าทั้งหมดที่ศิษย์พี่หลัวทำให้หงเฟยนั้นมันไม่ค่อยคุ้มค่าเลย
“ไม่ ข้าไม่ได้มาตามหาเขา เพียงแต่……”หงเฟยรีบตอบกลับ แม้นางจะเข้าใจดีมาก ๆ ว่าหลัวซิวที่อยู่บนดาวเคราะห์ที่ระเบิดจนพังพินาศไม่มีทางมีชีวิตรอดต่อไปได้แน่นอน แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เสวียนคง นางรู้สึกว่าตัวเองมีความจำเป็นต้องนำเรื่องนี้แจ้งให้พวกเขาทราบ
เมื่อได้ยินว่าหงเฟยไม่ได้มาตามหาหลัวซิว นี่จึงทำให้จิตใจของจีเสี่ยวจื่อหงุดหงิดมากขึ้น ก่อนจะรีบตัดบทพูดของนางทันทีแล้วพูด: “ในเมื่อเจ้าไม่ได้มาตามหาศิษย์พี่ เช่นนั้นเจ้ามาทำกระไร? ในส่วนของท่านปู่ข้านั้น บัดนี้ก็มิได้อยู่ที่นี่เช่นกัน เจ้าคงไม่ได้มาหาข้าหรอกกระมัง?”
“ข้า……”
หงเฟยเพิ่งอ้าปากและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทว่าสีหน้าของนางกลับชะงักไปก่อน เนื่องจากนางได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลัง
ไม่รู้เพราะเหตุใด เสี้ยววินาทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าดังกล่าว ทำให้หงเฟยแทบจะเกิดลางสังหรณ์อย่างหนึ่งจากสัญชาตญาณ และเจ้าของเสียงฝีเท้าดังกล่าวก็คือหลัวซิว
นางหันหลังกลับไปเป็นอย่างแรก สิ่งที่ปรากฏในดวงตาอันงดงามคู่นั้นคือชายหนุ่มที่อยู่ในชุดคลุมยาวดำคนหนึ่งกำลังย่างเท้าเดินเข้ามา บนไหล่เขามีอสูรน้อยที่หน้าตาดูดุร้ายเล็กน้อยเกาะอยู่ในสภาพที่เซื่องซึม
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ หลัวซิวใส่ชุดคลุมยาวสีดำมาโดยตลอด เนื่องจากครั้นเมื่อเขาเพิ่งรู้จักกับเหยียนเยว่เอ๋อร์ รวมไปถึงช่วงเวลาที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เขาก็ใส่ชุดคลุมยาวสีดำมาโดยตลอดเลย
บางทีในส่วนลึกของหัวใจเขาก็แอบเพ้อฝันอยู่เล็กน้อย มักจะหวังว่าจะสามารถใช้สิ่งของบางอย่างในอดีตมารื้อฟื้นความทรงจำของนางที่สูญเสียไปแล้วได้
“เจ้ายังรอดอยู่หรือ?”
มองดูหลัวซิวที่เดินตรงมาอย่างเหม่อลอย หงเฟยผงะไปในทันที พลานุภาพที่ดาวเคราะห์ระเบิดนั้นมันน่าสยดสยองมากเพียงใด เขามีชีวิตรอดกลับมาได้อย่างไร?
“นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า? เจ้าไม่ยอมรับความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างศิษย์พี่ก็แล้วไป หรือเจ้ายังอยากให้ศิษย์พี่ตายอีกหรือ?”
ในที่สุดจีเสี่ยวจื่อก็ระเบิดออกมาอย่างไม่พอใจ ในฐานะที่เป็นหลานสาวของจีเสวียนคง อุปนิสัยของนางจึงไม่อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย ลักษณะท่าที ณ วินาทีนี้ของนางเหมือนอยากผดุงความยุติธรรมให้หลัวซิว
“ข้ายังต้องปกป้องเจ้า แล้วข้าจักอนุญาตให้ตัวเองตายได้อย่างไรเล่า?”
หลัวซิวอยากพูดคำพูดดังกล่าวออกมามาก ๆ แต่ทว่าเมื่อคำพูดที่อบอุ่นเช่นนี้ติดอยู่ที่ปากแล้ว เขากลับทำอย่างไรก็พูดไม่ออก
เนื่องจากความสัมพันธ์ของพวกเขา ณ บัดนี้ หากพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาก็มีเพียงจะทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างอึดอัดมากขึ้น