“ข้าไม่เป็นกระไร ฉะนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว”
สุดท้าย คำพูดที่เรียบนิ่งคำหนึ่งก็หลุดออกมาจากปากของหลัวซิว แต่ทว่ากลับไม่มีผู้ใดมองเห็นความเหี่ยวแห้งที่อยู่ในส่วนลึกของหัวใจเขาเลย
จีเสี่ยวจื่อกำลังจะพูดอะไรบางอย่างต่อ ทว่าหลัวซิวกลับหยุดยั้งนางเอาไว้ก่อน “เจ้าไม่เข้าใจเรื่องราวระหว่างข้ากับนาง ดังนั้นเสี่ยวจื่อเจ้าอย่ากระทำเช่นนี้กับนางเลย และอย่ากล่าวว่านางเช่นนี้ด้วย”
เมื่อได้ยินหลัวซิวเอ่ยปากพูดเช่นนี้ จีเสี่ยวจื่อจึงทำเสียงหึทีหนึ่งก่อนจะหันหลังแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องพัก
“ขอบคุณเจ้าที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ในเมื่อเจ้าไม่เป็นกระไรแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนล่ะ”
หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หงเฟยก็เอ่ยปากพูดกะทันหัน ทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดไป จากนั้นนางก็ย่างเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากนางไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับหลัวซิวอย่างไรดี บางทีจิตใจนางอาจจะยอมรับไปแล้วว่าตัวเองคือภรรยาในอดีตของเขา แต่ทว่านางยังยอมรับความเป็นจริงนี้ไม่ได้ อาจต้องการเวลาเพื่อทำให้เคยชินกับมันก่อน
แน่นอนอยู่แล้วว่าสถานการณ์เช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่หลัวซิวคาดหวังในใจเช่นกัน
ยืนมองเงาหลังของหงเฟยหายไปจากสายตาของตัวเอง หลัวซิวทำการตัดสินใจในใจแล้วว่าต้องใช้ความเร็วที่รวดเร็วที่สุดฝึกกฎเวลาให้บรรลุถึงแดนขั้น 8 ให้ได้
เนื่องจากมีเพียงฝึกกฎเวลาบรรลุถึงแดนขั้น 8 เป็นอย่างต่ำ ถึงจะสามารถปลดปล่อยความสามารถในการย้อนเวลากลับไปได้
“เสี่ยวจื่อ ตระหนักรู้ในกฎปริภูมิได้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
เมื่อเดินเข้าไปในห้องพักของโรงเตี๊ยม หลัวซิวก็เห็นว่าจีเสี่ยวจื่อกำลังนั่งงอนอยู่ตรงนั้น ดังนั้นเขาจึงยิ้มพลางถาม
สำหรับตัวจีเสี่ยวจื่อนั้น พูดได้เลยว่าหลัวซิวปฏิบัติต่อนางเสมือยศิษย์น้องคนหนึ่งของตัวเองจริง ๆ ถึงแม้ช่วงเวลาที่เขาคบค้าสมาคมกับปู่หลานจีเสวียนคงทั้งสองคนยังไม่ถือว่านานมากนัก แต่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความจริงใจของจีเสวียนคงที่มีต่อตัวเอง
อีกทั้งจีเสี่ยวจื่อก็เป็นสาวน้อยที่จิตใจใสซื่อบริสุทธิ์คนหนึ่งเช่นกัน หลัวซิวรู้อยู่ว่าคำพูดทั้งหมดที่นางพูดตอนอยู่หน้าประตูห้องพักเมื่อก่อนหน้านี้ นางยืนอยู่ฝั่งตัวเอง
แต่ทว่าเรื่องราวระหว่างเขาและหงเฟยค่อนข้างซับซ้อน เขาไม่มีสิทธิ์และเหตุผลไปโทษหงเฟยเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากสาเหตุที่เหยียนเยว่เอ๋อร์เปลี่ยนเป็นหงเฟยนั้น จะว่าไปมูลเหตุก็เป็นเพราะเขาเอง จึงส่งผลให้นางได้รับความเดือดร้อนไปด้วย
คนที่ควรถูกตำหนิควรเป็นเขา แต่ไม่ใช่หงเฟย
ทว่าเรื่องบางอย่างเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถบอกเล่าให้ผู้อื่นฟังได้ ดังนั้นสำหรับพฤติกรรมของจีเสี่ยวจื่อที่มีต่อหงเฟยในเมื่อครู่นี้ น้ำเสียงเขาก็หนักแน่ไปหน่อยจริง ๆ ฉะนั้นเขาจึงทำได้เพียงย้อนกลับมาง้อนาง
เสี่ยวจื่อไม่มีเจตนาใด ๆ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานางคอยอยู่เคียงข้างกายจีเสวียนคงมาโดยตลอด และติดต่อกับโลกภายนอกน้อยมาก ๆ ดังนั้นนางจึงถูกหลัวซิวง้อและหัวเราะอย่างรวดเร็ว ราวกับลืมเรื่องราวที่ไม่มีความสุขเมื่อครู่นี้ไปแล้วยังไงอย่างนั้น
“เกิดปัญหาที่แดนเทวนิรันกาลหรือ?”
หลัวซิวทราบมาจากปากจีเสี่ยวจื่อว่าช่วงหลายวันที่เขาจากไปนี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แดนเทวนิรันกาล ราวกับว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงกับพลังลึกลับที่แผ่คลุมและผนึกแดนเทวนิรันกาลไว้
เนื่องจากความพิเศษและความลึกลับของแดนเทวนิรันกาล ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าบุกเข้าไปอย่างอุกอาจ ทำได้เพียงรอให้เหล่าผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพสืบเสาะสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงชัดเจนแล้ว ถึงจะสามารถทำการตัดสินใจใหม่อีกครั้งได้
เหล่าวัยรุ่นผู้ที่มีความฉลาดเป็นเลิศรวมตัวกัน ณ ภัตตาคารแห่งหนึ่งในสนามจัตุรัสบนเส้นทางดารา พลางดื่มเหล้าพลางคุยโวโอ้อวด
บนพื้นที่ว่างตรงกลาง มีหญิงสาวที่หุ่นร่างนุ่มนวลและงดงามทั้งเต้นทั้งร้องเพลง ราวกับสถานที่แห่งนี้คือวังเทพเทวายังไงอย่างนั้น
หยุนเทียนหยูนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก ซึ่งเขาเป็นผู้ริเริ่มงานรวมตัวกันของเด็กรุ่นใหม่ในครั้งนี้นี่เอง ในบรรดเด็กวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศทั้งหลาย ครอบคลุมเหล่าศิษย์สนิทในหอยอดอัมพร รวมไปถึงอัจฉริยะโดดเด่นจากแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ