มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 1883

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1883

อัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่ว่ามันจะดิ้นรนสุดชีวิตมากเพียงใด ตำหนักวัฏสงสารที่กดอัดอยู่บนตัวมันก็สูงตระหง่านดุจภูเขาไท่ซาน กดอัดมังกรโลหิตที่อยู่ด้านล่างไว้อย่างแน่นหนา

เมื่อไม่มีการทำลายอย่างโหดร้ายของอัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์ร่างเนื้อของหลัวซิวที่อยู่ภายใต้การโคจรด้วยร่างอมตะก็เริ่มฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิมเช่นกัน

ไขกระดูกที่ถูกแผดเผาจนระเหยเป็นไอ หัวใจที่ถูกกัดกลืนจนสภาพพังยับเยิน เส้นลมปราณที่เสมือนถูกดาบกระบี่นับพันนับหมื่นตัดเฉือน ร่างกายที่ทรุดโทรมอ่อนแอ ได้รับพลังชีวิตอย่างไร้ขีดจำกัดจนกระปรี้กระเปร่ากระชุ่มกระชวย ณ วินาทีนี้

ในขณะเดียวกัน ช่องจิตร่างปุถุชนของหลัวซิวที่อยู่ในตัวหยั่งรู้ก็ลืมตาขึ้นมากะทันหัน ประเดี๋ยวเดียวก็ปรากฏตรงตำแหน่งของหัวใจเช่นกัน

ช่องจิตร่างปุถุชนยื่นมือออกไปคว้าลูกแก้วสีขาวดำที่บินออกมาจากตำหนักวัฏสงสาร และเห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันคือลูกแก้วความเป็นตายนั่นเอง

เมื่อมีลูกแก้วเป็นตายอยู่ในมือ จึงสามารถยึดกุมความเป็นความตายของอสูรจิตนับร้อยล้านดวง เมื่อมองในมุมความหมายบางอย่างแล้ว อัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์ก็ถือเป็นอสูรจิตพิเศษอย่างหนึ่งที่หล่อเลี้ยงมาจากฟ้าดินเช่นกัน

พลังแห่งการดูดกลืนที่มากมายมหาศาลพลังหนึ่งพรั่งพรูออกมาจากลูกแก้วความเป็นตาย ภูตอัคคีที่ซ่อนตัวอยู่ในอัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์ถูกกระชากออกมา พลางต่อสู้ดิ้นรนพลางกรีดร้องเสียงแหลมอย่างหวาดกลัว

ชิ่ว!

ภูตอัคคีถูกลูกแก้วความเป็นตายกลืนกิน จากนั้นมันก็ดับสลายไปภายใต้กฎการเวียนว่ายตายเกิด

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์ก็จะสูญเสียปณิธานของอสูรจิต เหลือแค่เพียงพลังกฎเพลิงอัคคีที่บริสุทธิ์อย่างเดียวแล้ว

อุแว้อุแว้……

มีเสียงร้องอย่างตื่นเต้นดีใจของภูตอัคคีดังมาจากโลกาจุดลมปราณที่อยู่กลางฝ่ามือข้างซ้าย จากนั้นภายใต้การโน้มนำโดยปณิธานของหลัวซิว ภูตอัคคีกลืนกินจึงเดินเล่นอยู่ภายในร่างกายเขา และไปถึงตำแหน่งของหัวใจเช่นกัน มันที่มีลักษณะเหมือนเด็กคนหนึ่งก็กระโจนเข้าไปอย่างอดใจรอไม่ไหว อ้าปากแล้วกัดกินอัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์ทั้งสองสิ่งเริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกัน

จีเสวียนคงเฝ้าคอยอยู่ข้างกายหลัวซิวมาโดยตลอด เนื่องจากเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าการใช้ผลการฝึกตนเทพฟ้าหลอมรวมกลั่นแปรอัคคีเทพขั้นดำชั้นสูงนั้นมันอันตรายมากเพียงใด วางแผนไว้แล้วว่าทันทีที่เกิดอะไรขึ้นกับหลัวซิว เขาก็จะรีบลงมือช่วยเหลือหลัวซิวทันที

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจคือ นอกเหนือจากช่วงเริ่มแรกที่ร่างกายของหลัวซิวเกิดการตอบสนองอย่างรุนแรงแล้ว จู่ ๆ ออร่าเพลิงอัคคีอันบ้าคลั่งที่ซัดสาดอยู่ภายในร่างกายเขาก็นุ่มนวลลงอย่างไม่คาดคิด

“เจ้าเด็กคนนี้นี่ หรือว่าเจ้าหมอนี่สามารถทำสำเร็จได้จริง ๆ ?”มาตรแม้นว่าจีเสวียนคงจะเป็นคนที่มีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง วินาทีนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะซี๊ดปากเช่นกัน

ต้องท้าวความก่อนว่านั่นมันอัคคีเทพขั้นดำชั้นสูงที่มีเพียงผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพช่วงปลายถึงจะสามารถต้านทานได้อย่างยากลำบากเชียวนะ ไม่นึกเลยว่าเขาที่เป็นเทพฟ้าช่วงปลายคนหนึ่งจะสยบมันได้อย่างนั้นหรือ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วก็ต่างกันสองแดนใหญ่เลย นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

อนาคตหากรอให้ผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงแดนราชาเทพ มกุฎเทพตลอดจนจ้าวมหาเทพ เช่นนั้นนี่ก็เป็นจังหวะของการจะทำลายกฎธรรมชาติไม่ใช่หรือ?

ภูตอัคคีกลืนกินมีความสามารถในการดูดกลืนเพลิงอัคคีต่าง ๆ เพื่อเจริญเติบโตและวิวัฒนาการ แต่ถ้าเกิดนำภูตอัคคีกลืนกินเปรียบเทียบกับนักยุทธ์เทพมารคนหนึ่ง เช่นนั้นอัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์ก็เทียบเท่ามกุฎเทพช่วงปลาย

ช่วงระยะความต่างของทั้งสองแตกต่างกันมากจริง ๆ เพราะฉะนั้นถึงแม้จะมีการช่วยเหลือจากหลัวซิว การที่ภูตอัคคีกลืนกินอยากจะกลืนกินอัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์โดยสิ้นเชิงนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ แน่นอน

เวลาผ่านพ้นไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ระยะเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว บนสนามจัตุรัสเส้นทางดารามีคนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก

จุดศูนย์กลางของสนามจัตุรัสถูกแบ่งแยกออกจากพื้นที่ว่างแห่งหนึ่ง และบริเวณรอบ ๆ ของพื้นที่ว่างดังกล่าวมีโต๊ะวางเรียงรายอยู่หลายตัว และการจัดวางทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝีมือของตระกูลตวนมู่

การประลองวิถียาในครั้งนี้ของตวนมู่ชางและหลัวซิว เป็นการประกาศสงครามของตระกูลตวนมู่ต่อจีเสวียนคง เนื่องด้วยความมั่นใจที่มีต่อศักยภาพของตวนมู่ชาง ตระกูลตวนมู่ได้ทำการเชื้อเชิญผู้แข็งแกร่งจำนวนมากมาเข้าร่วมพิธี มาเป็นประจักษ์พยานของผลการประลองครั้งนี้

“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว เหตุใดจีเสวียนคงและลูกศิษย์ของเขาถึงยังไม่มา?”

“แม้แต่ศักยภาพในการกลั่นยาครั้นเมื่อวัยเยาว์ของจีเสวียนคงยังเทียบเจ้าชางไม่ติดเลย แล้วจะนับประสาอะไรกับลูกศิษย์ที่เขารับมาอย่างเรื่อยเปื่อยเล่า?”

“ข้าว่านะจีเสวียนคงคงจะกลัวแพ้ ดังนั้นจึงไม่กล้ามา”

เหล่าผู้คนในตระกูลตวนมู่นั่งด้วยกัน บนใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยสีหน้าท่าทางที่ทะนงองอาจเย่อหยิ่งจองหอง

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท