นางทราบอยู่ว่าศิษย์พี่ของตัวเองดูเป็นราชาเทพขั้น 7 แต่แท้จริงแล้วผลการฝึกตนของเขาเป็นเพียงเทพฟ้าขั้น 7 ศักยภาพที่แท้จริงเกะกะระรานถึงระดับใดกันแน่นั้น อย่าว่าแต่นางเลย มาตรแม้นว่าเป็นท่านปู่นาง หรืออาจารย์ของศิษย์พี่ท่านนี้ก็ยังดูไม่ออกเลย
ในอดีตนางมีความรู้สึกเช่นนี้ไม่ค่อยมากนัก แต่หลังจากที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงมกุฎเทพแล้ว จิตญินจึงว่องไวและเฉียบแหลมมากยิ่งขึ้น ทำให้นางสามารถสัมผัสออร่าของความอันตรายได้จากตัวศิษย์พี่ท่านนี้
ซึ่งเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าแม้แต่พรสวรรค์ของนางที่ปัจจุบันบรรลุถึงแดนมกุฎเทพแล้ว ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศิษย์พี่หลัว
“พอแล้วยัยหนู เลิกสรรเสริญเยินยอศิษย์พี่ได้แล้ว ไปตั้งใจปิดขังทำผลการฝึกตนให้มั่นคงแข็งแรงเถอะ”หลัวซิวปัดมือพลางพูด: “ข้ากลั่นยาบางอย่างไว้ให้เจ้า ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เจ้าปรับผลการฝึกตนให้มั่นคงแข็งแรงอยู่ในแดนมกุฎเทพขั้น 1 ได้ภายในระยะเวลาสิบวัน คอยหลังจากที่กลับไปแล้วค่อยให้อาจารย์กลั่นยาที่ใช้สำหรับการฝึกตนให้เจ้า ยาหนึ่งเม็ดที่ท่านกลั่นเพียงพอที่จะเท่ากับยาสองสามเม็ดที่ข้ากลั่นแล้ว”
หลังจากเหตุการณ์ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธผ่านพ้นไปแล้ว หลัวซิวและจีเสี่ยวจื่อก็สุขสบายไปอีกระยะหนึ่ง
แต่ทว่าวันชื่นคืนสุขไม่ยั่งยืน จู่ ๆ ก็มีข่าวคราวหนึ่งแพร่งพรายบนดวงดาวนับร้อยตรงเขตพื้นที่ศูนย์กลางของแดนเทวนิรันกาล
หินนิรันดร์ปรากฏแล้ว!
เดิมทีครั้งแรกที่ได้ยินหินนิรันดร์ หลัวซิวคิดว่ามันคือก้อนหินก้อนหนึ่ง ต่อมาก็เป็นจีเสวียนคงที่อธิบายให้เขาฟัง แม้หินนิรันดร์จะเป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง แต่ทว่ามันกลับไม่ใช่ก้อนหินธรรมดาทั่วไป แต่เป็นหินทิพย์ก้อนหนึ่ง!
หินทิพย์ที่หมายถึงนั้นก็คือก้อนหินที่กำเนิดธาตุทิพย์ กลายเป็นนิรันกาล
มหาจักรพรรดิยุทธ์ในยุคสมัยหนึ่งหยิ่งยโสตั้งแต่โบราณจวบจนปัจจุบัน เป็นผู้ไร้เทียมทานในมหาโลกาพันสาม ทว่ากลับสามารถคงอยู่ได้ร้อยล้านปี สุดท้ายก็ต้องนั่งฌานละสังขารหายเข้าไปในกลีบเมฆ
แต่ก้อนหินก้อนหนึ่งที่กำเนิดธาตุทิพย์กลับกลายเป็นนิรันกาล อยู่เคียงคู่ฟ้าดินคงอยู่ชั่วนิรันดร
เรื่องเล่าในตำนานเล่ากันว่ามีความเร้นลับของการมีชีวิตคงอยู่ชั่วนิรันดรแฝงซ่อนอยู่ในหินนิรันดร์ ในสมบัติทั้งสามชิ้นที่อยู่ในแดนเทวแห่งนี้ มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่นับไม่ถ้วนต้องการมากที่สุด!
“กฎชีวิต……”
แม้แต่จีเสี่ยวจื่อและหลัวซิวก็ไม่มีทางไม่หวั่นไหวต่อการปรากฏของหินนิรันดร์ หลังจากที่ผลการฝึกตนของจีเสี่ยวจื่อมั่นคงแข็งแรงแล้ว ทั้งสองจึงออกตามหาร่องรอยของหินทิพย์ก้อนนั้น
หลัวซิวสัมผัสได้ถึงออร่ากฎชีวิตที่รางเลือนมาก ๆ ณ สถานที่ที่ลือกันว่ามีหินทิพย์ปรากฏ
หากบอกว่าเป็นความเร้นลับของการมีชีวิตคงอยู่ชั่วนิรันดร เช่นนั้นก็มีสองกฎที่มีโอกาสคงอยู่มากที่สุด กฎหนึ่งคือกฎเวลา ส่วนอีกกฎหนึ่งคือกฎชีวิต
ดังนั้นหลัวซิวจึงสามารถสรุปได้ว่าหินนิรันดร์ที่กล่าวถึงนั้น ต้องมีความเกี่ยวข้องกับกฎชีวิตอย่างแน่นอน
“หลัวซิว!”
ทันใดนั้นเอง เสียงตะคอกดังลั่นเสียงหนึ่งก็ดังมาจากฟ้า ถัดจากนั้นก็มีแสงกลรุ้งยาวห้าหกสายพุ่งตรงมาด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ๆ มาถึงภายในชั่วลมหายใจเดียว
ซึ่งคนที่เป็นผู้นำก็คือศิษย์สืบทอดของหอยอดอัมพร หยุนเทียนหยู
“ไม่นึกเลยว่าจะพบเจอเจ้าที่นี่ ผู้ที่มีผลการฝึกตนราชาเทพขั้น 7 อย่างเจ้าก็มีคุณสมบัติไปตามหาหินนิรันดร์หรือ?”
หยุนเทียนหยูมองหลัวซิวลงมาจากที่สูง ส่วนตวนมู่ชางนั้นยืนอยู่ข้างกายของหยุนเทียนหยู
“ข้าก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าพวกเจ้าจักยังมีชีวิตรอดอยู่ หรือว่าอยากแย่งของที่แพ้ให้ข้ากลับไป?”หลัวซิวพูดอย่างสุขุมเรียบนิ่ง
“ตลกชะมัด! หยุนเทียนหยูข้าจักใส่ใจสิ่งของแค่นั้นหรือ?”หยุนเทียนหยูทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง “ครั้งนี้คุณชายอย่างข้าพบเจอเจ้า ข้าอยากดูว่าตกลงแล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงสามารถฝ่าด่านบนเส้นทางดาราได้เหนือกว่าข้า”
เรื่องนี้เป็นความจริงที่หยุนเทียนหยูไม่สามารถยอมรับได้ตลอดมา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวเทียบตัวเองไม่ติด แต่ทว่าผลการฝ่าด่านบนเส้นทางดาราของเขากลับแข็งแกร่งกว่าตน เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์ของหลัวซิวผู้นี้สูงกว่าเขาอย่างไร้ข้อสงสัย