“กฎปริภูมิ?”
สีหน้าของตวนมู่ชางเปลี่ยนไปอีกครั้ง ทว่าเพราะผลกระทบจากหลัวซิวในเมื่อครู่นี้ทำให้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว วินาทีนี้เขาไม่ทันได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำ ก็ถูกจีเสี่ยวจื่อเก็บเข้าไปในสำนักเต๋าเสวียนเทียนภายในพริบตา
เดิมทีสำนักเต๋าเสวียนเทียนที่อยู่ในมือหลัวซิวก็เป็นราชาแห่งศัสตราวุธชิ้นหนึ่งเช่นกัน แต่ต่อมาหลังจากที่มอบมันให้แก่จีเสี่ยวจื่อแล้ว จีเสวียนคงจึงฝึกหลอมให้นางใหม่ด้วยตนเอง จนมันกลายเป็นอาวุธระดับศัตราวุธราชาไปแล้ว
ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของตระกูลตวนมู่ ในมือตวนมู่ชางก็ต้องมีอุบายและไพ่เด็ดต่าง ๆ ที่ใช้รักษาชีวิตตนเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เห็นเพียงภายในสำนักเต๋าเสวียนเทียนสั่นสะเทือนจนเสียงดังเลื่อนลั่น ภายใต้การพุ่งโจมตีจากพลังที่น่ากลัวต่าง ๆ ถึงกับทำให้ทลายประตูสำนักเต๋าเสวียนเทียจนแตกเป็นรอยร้าว
สีหน้าของจีเสี่ยวจื่อเปลี่ยนไป นางไม่อยากให้สำนักเต๋าเสวียนเทียถูกทำลายทิ้งเพราะเหตุนี้ จึงทำได้เพียงเปิดประตูของสำนักออก แล้วปล่อยตวนมู่ชางออกมา
เห็นเพียงตวนมู่ชางพุ่งออกมาด้วยสภาพทรงผมที่ยุ่งเหยิง หยิบฮู้ออกมาหนึ่งชิ้นอยากบีบมันให้แตกโดยไม่ลังเลใจใด ๆ
แต่ในเวลานี้เอง กงล้อเศษณ์สีดำสนิทที่เหมือนดังฐานหินกลมที่รองรับตัวโม่ก็ปรากฏกลางอากาศ ออร่าความตายที่มโหฬารพันลึกแผ่กระจายออกไป เกี่ยวดึงดวงวิญญาณผู้คน
ซึ่งกงล้อเศษณ์สีดำนี้ก็คือกงล้อทมิฬ เป็นพลังที่หลัวซิวปลดปล่อยออกมาจากบำเพ็ญพลิกทมิฬที่วิวัฒนาการโดยหมื่นจักรวาลไร้รูป
กงล้อทมิฬตัดสับอนัตตา เหมือนดั่งแสงดาบที่ผ่าฟ้าดินออก
มือของตวนมู่ชางยังไม่ทันได้บีบฮู้ให้แตกสลาย กงล้อทมิฬที่หมุนอย่างรวดเร็วก็ผ่าร่างกายของเขาออกเป็นสองท่อนจากด้านบนลงมาด้านล่าง
เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูด กิริยาท่าทางทุกอย่างของตวนมู่ชางล้วนหยุดอยู่ ณ เสี้ยววินาทีนั้น
“เจ้าเด็กเดรัจฉาน! มึงฆ่าตวนมู่ชาง และฆ่าศิษย์สนิทในหอยอดอัมพรของกูอีก ต่อให้ขึ้นฟ้าหรือลงดินมึงก็ต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัยแน่นอน!”
หยุนเทียนหยูตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว เขานึกไม่ถึงเลยว่าขณะที่หลัวซิวต่อสู้กับตัวเองอยู่ จักยังมีแรงลงมือสังหารตวนมู่ชาง
หลัวซิวไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว หน้ากากซิวหลัวเย็นชาไร้ความรู้สึก โคจรกฎเวลา กิริยาท่าทางของหยุนเทียนหยูจึงหยุดอยู่ ณ วินาทีนั้น
พลังอมตะของเวลาหยุดนิ่ง!
สำหรับนักยุทธ์ที่แดนฝึกตนอยู่เหนือแดนกฎแล้ว พลังอมตะนี้ก็เป็นพลังอมตะสูงสุดอย่างแน่นอน แต่ถ้าเกิดเป็นนักยุทธ์ที่แดนอยู่ระดับเดียวกันกับแดนกฎหรืออยู่สูงกว่าแดนกฎแล้ว ประสิทธิผลที่ปลดปล่อยพลังอมตะดังกล่าวออกมาก็จะลดทอนหายไปเยอะมาก
กิริยาท่าทางของหยุนเทียนหยูหยุดนิ่งเพียงชั่วขณะเท่านั้น จากนั้นเขาก็ใช้พลังแห่งกฎของตัวเองหลุดพ้นจากการพันธนาการ
ทว่าหลัวซิวกลับอาศัยเสี้ยววินาทีนี้ ใข้ความเร็วของปีกเทพไร้มลทินประชิดใกล้เข้าไปภายในชั่วพริบตา แล้วใช้หอกมังกรแดงมืดแทงเข้าไปกลางหว่างคิ้วของเขา
“มึงอย่าแม้แต่จะคิด!”
การปรากฏของกฎเวลายิ่งทำให้จิตใจของหยุนเทียนหยูรู้สึกตะลึงและหวาดผวามากยิ่งขึ้น เห็นเพียงมีแสงเรืองกระพริบระยิบระยับในร่างกายเขา โล่สีทองหนึ่งชิ้นบินออกมาจากร่างกาย บนโล่มียันต์ค่ายและลายเส้นกฎสลักอยู่อย่างถี่ยิบ
อย่างไรก็ตามในเวลานี้เอง หยุนเทียนหยูกลับค้นพบอย่างหวาดผวาว่าของขลังคุ้มกันที่เขาสามารถเรียกออกมาได้ภายในชั่วพริบตาเดียวในตอนแรก วินาทีนี้ความเร็วในการกระตุ้นของเขากลับช้าลงสิบกว่าเท่า
แต่ความเร็วในการแทงหอกของหลัวซิวกลับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เขาจึงทำได้เพียงมองดูคมหอกที่เฉียบคมนั่นของหอกมังกรแดงมืดยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้หว่างคิ้วของตัวเองต่อหน้าต่อตา
“ไม่!”
หยุนเทียนหยูหวาดกลัวถึงขีดสุด ถึงแม้เขาจะรู้อยู่ว่าตัวเองจะไม่ตาย แต่ความรู้สึกของการได้สัมผัสกับความตายอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ เป็นประสบการณ์ที่เขาไม่อยากลิ้มลองอีกในภพชาตินี้
ในขณะที่หอกมังกรของหลัวซิวกำลังจะทิ่มแทงเข้าไปกลางหว่างคิ้วของหยุนเทียนหยูอยู่นั้น ห้วงเวลาบริเวณรอบ ๆ ก็ราวกับถูกหยุดนิ่งภายในเสี้ยววินาทียังไงอย่างนั้น
ซึ่งการหยุดนิ่งเช่นนี้ ไม่ใช่ผลจากการใช้กฎเวลาแต่อย่างใด แต่มีพลังออร่าที่มากมายมหาศาลบังเกิด กดอัดกฎฟ้าดินทั้งปวงในขอบเขตบริเวณนี้เอาไว้