“เตี๊ยง!”
ชี่จิ้งที่เกะกะระรานส่งตรงมาจากกระบี่ยุทธ์ จีเสี่ยวจื่อจึงรู้สึกชาที่ง่ามนิ้วภายในพริบตา ยิ่งกว่านั้นคือข้อมือที่จับกระบี่ยุทธ์ไว้ก็ปวดร้าวอย่างยิ่งเช่นกัน
ต่างอยู่ในแดนมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิเหมือนกัน แม้พระโอรสจ้านเทียนจะบรรลุถึงแดนมกุฎเทพไวกว่าจีเสี่ยวจื่อสองสามปี ทว่าระยะความต่างในผลการฝึกตนของทั้งสองกลับไม่มากนัก อย่างไรก็ตามศักยภาพของพระโอรสจ้านเทียนกลับเกะกะระรานถึงขีดสุด แม้จะไม่ได้ฝึกกฎชั้นยอด แต่ก็ยังคงสามารถอาศัยร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่เกะกะระรานมากดอัดกฏชั้นยอดที่อยู่ในแดนเดียวกันได้!
พลังเทวจ้านเทียนอันสมบูรณ์ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนสองยุคริเริ่ม เป็นวรยุทธ์ที่มีอิทธิพลในการชุบร่างเนื้อแต่แรกอยู่แล้ว ในสองวิถีอย่างวิถีกฎและร่างตน พลังเทวจ้านเทียนเป็นการเลือกเดินบนวิถีแห่งร่างและจิตตน!
ร่างตนมนุษย์มีการแบ่งความรู้สึกและกำลัง วิถีแห่งการฝึกยุทธ์จึงต้องมีการแบ่งเป็นกลั่นวิญญาณและกลั่นร่างอยู่แล้ว
“ถึงแม้สตรีนางนี้จะถือว่าไม่เลว ทำให้พระโอรสอย่างกูชื่นชมมาก แต่ทว่าหากยังหลงผิดอย่างกู่ไม่กลับ ก็อย่าหาว่าพระโอรสอย่างกูเหี้ยมโหดต่อสตรีงามแล้วกัน!”
ปล่อยหมัดโจมตีจีเสี่ยวจื่อจนถอยออกไป พระโอรสจ้านเทียนข่มขู่ด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นคำหนึ่ง ก่อนหน้านี้ครั้นเมื่อจีเสี่ยวจื่อข้ามผ่านทัณฑ์ เขาก็เริ่มรู้สึกสนใจในตัวนางเล็กน้อยแล้ว ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเรื่องใหญ่อย่างการช่วงชิงหินนิรันดร์และกระบี่ตรีภพ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าผู้หญิงคนหนึ่งเล็กน้อยมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงเลย
อย่างไรก็ตามจีเสี่ยวจื่อกลับไม่ได้นำคำข่มขู่ของเขามาใส่ใจ เห็นเพียงนางยกมือขึ้นมาทำท่าประสานอิน สำนักเต๋าเสวียนเทียนจึงบินออกมาจากร่างกาย กลายเป็นประตูที่ตระหง่านใหญ่โตแล้วเปิดออก
หลังจากประตูสำนักเต๋าเปิดออกแล้ว ก็มีเงาลวงของยักษ์ตัวหนึ่งที่ดูรางเลือนเดินออกมา ก่อนจะง้างมือแล้วตบไปทางพระโอรสจ้านเทียน
เงาลวงยักษ์ตัวนี้ถูกร่ายออกมาโดยพลังงานอมตะของคัมภีร์เทวอนัตตา ใช้กฎปริภูมิโน้มนำพลังแห่งอนัตตา เพื่อเรียกปณิธานเทพโบราณออกมา
“แสงหิ่งห้อยก็บังอาจกับช่วงชิงความโชติช่วงกับพระจันทร์ที่สุกสกาวอย่างนั้นหรือ?”
พระโอรสจ้านเทียนดูหมิ่นดูแคลน เขาตะคอกเสียงดังลั่นคำหนึ่ง ด้านหลังก็มีเงายักษ์สีทองปรากฏหนึ่งตัวเช่นกัน
สิ่งที่จีเสี่ยวจื่อเรียกคือปณิธานเทพอนัตตาโบราณ ส่วนสิ่งที่พระโอรสจ้านเทียนเรียกนั้นคือปณิธานไร้เทียมทานของบรรพบุรุษมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียน
ตู้มม!
ยักษ์ทั้งสองร่างพุ่งชนเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพลังจักรพรรดิจ้านเทียนหรือคัมภีร์เทวอนัตตา ต่างเป็นวรยุทธ์พลังอมตะที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ริเริ่ม ทว่าสุดท้ายแล้วคัมภีร์เทวอนัตตาที่จีเสี่ยวจื่อฝึกก็มีจุดขาดตกบกพร่อง ประคองได้เพียงไม่กี่หนเท่านั้น ก็ตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบแล้ว
“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจักฝึกกฎปริภูมิถึงแดนขั้น 6 แล้ว อีกทั้งยังได้รับคัมภีร์เทวอนัตตาที่ขาดการสืบทอดมายาวนานอีกด้วย?”
พระโอรสจ้านเทียนต้องคุ้นเคยต่อกฎปริภูมิอยู่แล้ว แต่ทว่าคัมภีร์เทวอนัตตาที่เป็นพลังจักรพรรดิชั้นฟ้าของผู้ฝึกกฎปริภูมิในตำนานนั้น กลับขาดการสืบทอดมาหลายปีจนนับไม่ถ้วนแล้ว
อัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานที่ฝึกกฎปริภูมิถึงแดนมกุฎเทพนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถประมาณค่าได้แน่นอน แม้อนาคตจะกลายเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ไม่ได้ แต่ก็ใกล้เคียงกับผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานในทั่วสากลโลกอย่างแน่นอน
หากสามารถเก็บผู้หญิงผู้หญิงเช่นนี้ไว้ข้างกายตน อนาคตต้องกลายเป็นผู้ช่วยที่ยิ่งใหญ่ได้แน่นอน
“ฟึ่บ!”
พระโอรสจ้านเทียนฉีกกระชากเงาลวงปณิธานของเทพอนัตตา ย่างเท้าออกไปชั่วขณะก็พุ่งไปถึงตรงหน้าจีเสี่ยวจื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ยอมศิโรราบต่อข้า แล้วข้าจักไว้ชีวิตเจ้า”แววตาของพระโอรสจ้านเทียนเข้มงวดแข็งกร้าว
“หึ่ง!”
และในเวลานี้เอง จิตสังหารที่รวดเร็วและดุดันก็จู่โจมมาจากข้างหลัง ทำให้พระโอรสจ้านเทียนหันหลังกลับไปกะทันหัน
อนัตตาที่อยู่ด้านหลังสั่นเทิ้มจนเสียงดังหึ่ง ๆ ปราณกระบี่ที่มืดครึ้มซัดสาดผ่าสับมาทางไปเขา มโหฬารพันลึกดุจมังกร
ความเร็วของปราณกระบี่เล่มนี้รวดเร็วอย่างมาก ฟาดฟันทีเดียวก็มาถึงตรงหน้า เหมือนดั่งตัดขาดการพันธนาการของห้วงเวลา รุนแรงและดุดัน
ปราณกระบี่เล่มนี้ทำเอาผู้คนตกตะลึง มาตรแม้นว่าเป็นอัจฉริยะบุคคลอย่างพระโอรสจ้านเทียนก็รู้สึกขนหัวลุกซู่ เสียวสันหลังวาบภายในพริบตา