ท่ามกลางความตื่นตระหนก ฉียู่หรงกลับเข้ามาถึงที่ลานสวนแล้ว หัวใจที่สั่นไหวยังคงเต้นระรัวอย่างต่อเนื่อง
“ท่านพี่ เป็นอะไรไป? เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ?” หนิงหานยู่เมื่อเห็นสีหน้าของฉียู่หรงไม่ปกติ กีเอ่ยปากถามทันที
หลายปีมานี้ นับตั้งแต่ถูกหลัวซิวกำหนดทิศทางที่ถูกต้องบนเส้นทางการกฎฝึกตนชีวิต ผลการฝึกตนของหนิงหานยู่ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยความรวดเร็ว
เพียงแต่กฎชีวิต มีความหมายที่เอนไปทางการพิทักษ์มากกว่า ไม่เอื้ออำนวยต่อการสังหารและโจมตี ดังนั้นพวกนางทั้งสองพี่น้องในหลายปีมานี้ อาศัยอยู่ที่จินเฮ่าซิงต่างก็เคร่งครัดและระวังตัวเป็นอย่างมาก
ฉียู่หรงไม่ได้ปิดบัง บอกเล่าเรื่องราวที่ตนถูกปล้น จากนั้นก็ถูกเซวียนจิงหยุนช่วยเอาไว้ให้กับหนิงหานยู่ฟัง
เพราะนางค่อนข้างมั่นใจว่า เมื่อใดที่ตนถูกเซวียนจิงหยุนท่านชายฝักใฝ่ในกามผู้นั้นหมายตาเข้าให้ ด้วยพลังอำนาจของเซวียนจิงหยุนแล้ว ต้องการสืบหาลานสวนแห่งนี้ซึ่งเป็นที่อยู่ของนางกับหนิงหานยู่นั้น เป็นเรื่องที่ทำได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน
อีกทั้งรูปร่างหน้าตาและความงดงามของหนิงหานยู่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านาง ไม่แน่พอถึงเวลานั้นจริง ๆ พวกนางสองคนพี่น้องก็ยากที่จะหนีรอดจากกรงเล็บมารของเซวียนจิงหยุน
“เฮอะ เซวียนจิงหยุนนั่นเป็นผู้มักมากในกามตัณหาจะทำสิ่งใดได้ ท่านพี่เย่ได้กลายเป็นศิษย์ของอาจารย์เสวียนคงแล้ว ถ้าหากว่าท่านพี่เย่กลับมา ก็ลองให้เซวียนจิงหยุนกล้าแตะต้องพวกเราดูสิ?”
เมื่อเทียบกับความกังวลใจของฉียู่หรง หนิงหานยู่ดูเหมือนว่านางจะไม่ให้ความสนใจด้วยซ้ำ
“หานยู่ ท่านพี่พูดกับเจ้ากี่รอบแล้ว ศิษย์ของอาจารย์เสวียนคงนามว่าหลัวซิว ไม่ใช่ท่านพี่เย่ของพวกเรา” ฉียู่หรงพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
“ท่านพี่ เหตุใดท่านถึงไม่เชื่อข้าเล่า? หลัวซิวก็คือท่านพี่เย่เป็นแน่ บางทีอาจจะเป็นนามแฝงของท่านพี่เย่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่านามเดิมของท่านพี่เย่ก็คือชื่อนี้อยู่แล้ว” หนิงหานยู่พูดด้วยความมั่นใจ
ต้องบอกว่า บางครั้งสัญชาตญาณของผู้หญิงก็น่ากลัว โดยเฉพาะแม่นางหนิงหานยู่ผู้นี้ดูเหมือนจะมีพรสวรรค์มากในด้านข้อมูลข่าวสาร ถึงแม้ว่าหมายปีมานี้จะไม่เคยได้ไปจากจินเฮ่าซิง แต่สำหรับเรื่องราวใหญ่โตที่เกิดขึ้นที่มหาโลกายอดอัมพรตลอดหลายปีมานี้ นางต่างก็สามารถสืบหามาได้ทั้งหมด
“ข้าคิดว่า พวกเราควรรีบไปจากที่แห่งนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” ฉียู่หรงยังคงพูดด้วยความกังวลใจ
“หากว่าพวกเราออกไปแล้ว เมื่อถึงตอนที่ท่านพี่เย่กลับมาแล้วหาเราไม่พบจะทำอย่างไร?” หนิงหานยู่พูดพร้อมส่ายศีรษะ
แม้จะผ่านมาสิบกว่าปีแล้วก็ตาม แต่หนิงหานยู่และฉียู่หรงยังคงเชื่อมั่นมาตลอดว่าไม่ช้าก็เร็วเย่ห้าวหรานจะต้องกลับมา อีกทั้งหนิงหานยู่ยังได้ยินมาว่าคนที่เข้าไปในแดนเทวนิรันกาลยังไม่ได้ออกมา ในตอนนั้นที่เย่ห้าวหรานไปจากที่แห่งนี้ ก็เพื่อเข้าไปในแดนเทวนิรันกาล
ฉียู่หรงก็มีความลังเลอยู่เล็กน้อย นางต้องการที่จะอยู่ที่นี่รอคอยการกับมาของเย่ห้าวหราน แต่ก็ยังกังวลใจว่าเซวียนจิงหยุนผู้นั้นจะตามมาถึงหน้าประตู
วันที่สอง แม่นางทั้งสองคนกำลังฝึกตนอยู่ในห้อง ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงค่ายกลที่ถูกจัดวางเอาไว้ที่บริเวณใกล้ ๆ ลานสวนถูกกระตุ้นขึ้นมา
วิชาห้ามค่ายกลเหล่านี้ต่างเป็นสิ่งที่หลัวซิวในตอนนั้นทิ้งเอาไว้ให้ด้วยตนเอง ถึงแม้จะไม่ใช่ค่ายกลระดับมกุฎ แต่ก็เป็นค่ายเทพระดับเก้า อีกทั้งยังเป็นค่ายเทพระดับเก้าที่จัดเรียงเป็นห่วงโซ่ พลังที่ปะทุขึ้นพร้อมกัน สามารถคุกคามผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพได้อย่างแน่นอน
เมื่อสัมผัสได้ถึงการถูกกระตุ้นของวิชาห้ามค่ายกล ฉียู่หรงก็มีลางสังหรณ์ไม่ดี เมื่อนางเดินออกจากห้อง มองเห็นหนิงหานยู่ก็ถูกทำให้ตกใจไปด้วยเช่นกัน
ตัวสำนึกของแม่นางทั้งสองถูกปล่อยออกไปสำรวจในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็พบว่าที่ประตูด้านหน้าลานสวน มีคนสองคน ต่างก็เป็นแม่หญิงวัยรุ่นที่มีหน้าตาสะสวย หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่ฉียู่หรงจำได้ ก็คือแม่หญิงที่ติดตามอยู่ข้างกายของเซวียนจิงหยุนในตอนนั้น
“ทำอย่างไรดี?” สีหน้าของฉียู่หรงเผยให้เห็นถึงความวิตกกังวล นางรู้ดีว่าในเมื่ออีกฝ่ายค้นพบสถานที่แห่งนี้แล้ว ต้องไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่
ชื่อเสียงของเซวียนจิงหยุนผู้ฝักใฝ่ในกาม ในหมู่คนรุ่นใหม่ของจินเฮ่าซิงนั้นไม่ได้เป็นชื่อเสียงที่ดีเท่าใดนัก แต่เนื่องจากเซวียนจิงหยุนคือผู้สืบทอดคนปัจจุบันแห่งเขาเจี้ยนโหยว ดังนั้นที่จินเฮ่าซิงแห่งนี้จึงไม่มีใครกล้ายั่วยุเขา