มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1994
“กระบี่เทวอนัตตา!”
หลังจากนั้น นิ้วมือทั้งห้าของหลัวซิวก็กางออก นิ้วทั้งห้าเปลี่ยนเป็นกระบี่เทวอนัตตา เป็นพลังอมตะชนิดหนึ่งที่ถูกบันทึกเอาไว้ในคัมภีร์เทวอนัตตา
ผุ! ผุ! ผุ!
กระบี่เทวอนัตตาเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างปริภูมิ ผู้อาวุโสมกุฎเทพหลายคนแห่งเขาเจี้ยนโหยว ไม่สามารถต่อต้ายได้แม้แต่น้อย ถูกสังหารไปในพริบตา เลือดสดสาดกระเซ็นไปทั่ว
ผู้อาวุโสแห่งเขาเจี้ยนโหยวเหล่านี้ ผลการฝึกตนก็เป็นเพียงมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิหรือช่วงกลาง อีกทั้งยังไม่ใช่อัจฉริยะที่สามารถข้ามแดนเพื่อต่อสู้ได้ ในมือของหลัวซิวก็ไม่ต่างอะไรกับมด เปราะบางจนโจมตีได้ในครั้งเดียว
ถึงแม้สี่กฎใหญ่ชั้นยอด ชีวิต ความตาย เวลา ปริภูมิของเขาจะอยู่ที่แดนขั้นที่ห้า แต่หากร่วมกับวิถีแห่งหมื่นจักรวาลไร้รูปแปรเปลี่ยนเป็นพลังอมตะ ก็สามารถบดขยี้มกุฎเทพกฎขั้นที่หกทั่วไปได้อย่างง่ายดาย
“ไอ้สารเลว กล้ามาอาลาวาดในเขาเจี้ยนโหยวของข้า ไปตายซะ! ”
เจ้าเขาเจี้ยนโหยวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หอคอยเวทย์ปรากฏขึ้นเหนือหัวของเขา เป็นศัตราวุธราชาชั้นสูงชิ้นหนึ่ง ที่จินเฮ่าซิง เรียกได้ว่าเป็นอาวุธระดับสุดยอดแล้ว
แสงแห่งกฎมากมายบินออกมาจากหอคอยเวทย์ ประสานเข้ากันเป็นมือใหญ่มหึมา คว้าไปทางหลัวซิว ปกคลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์
“อัคคีเทพเพลิงนภา!”
ใบหน้าของหลัวซิวไม่ไหวติง สะบัดนิ้วมือครั้งหนึ่ง อัคคีเทพซิวหลัวก็บินออกมา ด้านในเต็มไปด้วยพลังแห่งกฎเพลิงอัคคีขั้นที่เจ็ด
อัคคีเทพพลุ่งพล่าน ปกคลุมสรรพนภา เพลิงนภาแผดเผาพื้นดิน หลอมละลายอนัตตา
ปัง!
เพียงแค่ชั่วพริบตา เจ้าเขาเจี้ยนโหยวที่ใช้ศัสตราวุธหลอมรวมเป็นมือใหญ่ก็ถูกเผาทำลายจนสิ้น จากนั้นอัคคีเทพซิวหลัวกลั่นแปร กลายเป็นฝ่าเท้าเพลิงอัคคีสีแดงเข้ม กระทืบลงมาจากท้องฟ้า
ปัง!
ฝ่าเท้าเหยียบพื้นดิน หอคอยเวทย์เหนือศีรษะเจ้าเขาเจี้ยนโหยวสั่นสะท้าน ทันใดนั้นก็ดับมืดลง เห็นเพียงฝ่าเท้าที่หลอมรวมโดยเพลิงอัคคีสีแดงเข้มเหยียบลงบนหอคอยเวทย์ รวมไปถึงร่างของเจ้าเขาเจี้ยนโหยว ราบไปกับพื้นเบื้องล่างพร้อมกัน
โครมคราม……
เสียงที่ดังจากการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวดังก้องกังวาน ลูกคลื่นที่น่าสะพรึงกลัวก็กวาดไปทุกทิศทุกทาง ทั่วทั้งห้องใต้หลังคาของตำหนักจำนวนนับไม่ถ้วนในสำนักเขาแห่งเขาเจี้ยนโหยว ต่างก็พังทลายลงมาเสียงดังโครมคราม ฝุ่นและควันฟุ้งกระจาย
บนเขาเจี้ยนโหยว หลุมขนาดมหึมาปรากฏขึ้น อัคคีเทพแผดเผา กดให้เขาเจี้ยนโหยวจมลงสู่ทะเลเพลิง
อัคคีเทพเต็มไปด้วยกฎเพลิงอัคคีขั้นที่เจ็ด ภายในเขาเจี้ยนโหยวไม่มีใครที่สามารถต้านทานได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้มีศิษย์ถูกไฟคลอกตายไปมากเพียงใดแล้ว ทั่วทั้งเขาเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน
สีหน้าของหลัวซิวเย็นชามาก ไม่ได้รู้สึกว่าทำสิ่งใดไม่ถูกต้อง เขาเจี้ยนโหยวแห่งนี้ ในเมื่อเป็นศัตรูกับตน เช่นนั้นคนเหล่านี้ในฐานะศิษย์ของเขาเจี้ยนโหยว ก็ต้องรับรู้ถึงการถูกสังหารอย่างทรมานโดยการทำลายล้าง!
สำหรับจ้าวเขาแห่งเขาเจี้ยนโหยว ก็กำลังดิ้นเฮือกสุดท้าย อาวุธหอคอยเวทย์แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ สติสัมปชัญญะส่วนใหญ่เลือนหายไปแล้ว
“เห็นหรือยัง? ข้าบอกว่าทำลายล้างเขาเจี้ยนโหยวได้ ก็ทำได้จริง ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อ ถ้าข้าไม่ทำลายเสีย มันจะเป็นการตบหน้าตนเองไม่ใช่หรือ?” หลัวซิวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เซวียนจิงหยุนที่อยู่ในมือเขา ได้ตกใจจนเสียสติไปก่อนแล้ว
ทันใดนั้น เห็นเพียงหลัวซิวยกมือขึ้นสะบัด ธงค่ายจำนานมากบินออกมา จัดเรียงรายล้อมอยู่รอบ ๆ เขาเจี้ยนโหยว
ด้วยแดนค่ายกลของเขาในวันนี้ สามารถทำให้เขาใช้ธงค่ายเพื่อจัดวางค่ายกลได้ แน่นอนว่าไม่ทางเป็นที่จะเป็นค่ายกลธรรมดาทั่วไป แต่เป็นค่ายใหญ่ชั้นยอดระดับมกุฎค่ายหนึ่ง!
ที่เรียกว่าค่ายใหญ่ชั้นยอดระดับมกุฎ นั่นก็คือค่ายใหญ่ที่แม้แต่กึ่งมกุฎเทพก็ยังสามารถสังหารได้ ด้วยระดับความรู้ลึกซึ้งด้านค่ายกลของหลัวซิวในวันนี้ ถ้าหลอมรวมยันต์ค่าย ก็จะเป็นแค่เพียงค่ายกลระดับมกุฎธรรมดาเท่านั้น
“ทำลาย! ”
มือจับเป็นตราประทับค่ายกล ค่ายใหญ่ถูกกระตุ้น ความสยดสยองของการสังหารอันไร้ที่สิ้นสุด ครอบคลุมทั่วทั้งเขาเจี้ยนโหยวเอาไว้ภายใน
ตราบใดที่มันอยู่ในระยะของค่ายกล อสูรจิตทุกอย่างจะถูกสังหาร หลัวซิวยกมือขึ้นและโยนเซวียนจิงหยุนเข้าไป วันนี้เข้าทำลายล้างเขาเจี้ยนโหยว เพียงเพื่อบอกทุกคนว่า ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องคนรอบกายของเขา ต้องชดใช้อย่างสาสม!
ในวันนี้ เขาเจี้ยนโหยวที่เรียกได้ว่าเป็นราชาแห่งจินเฮ่าซิงถูกทำลายล้าง ที่อยู่ของสำนักเขาแหลกละเอียดเป็นผุยผง ผืนดินหลายพันลี้กลายเป็นดิน แผดเผาไปด้วยเปลวเพลิง ศิษย์ทุกคนที่อยู่ด้านใน ไม่มีใครรอดชีวิต!
……